ประเด็นน่าสนใจ
- เกิดเหตุโจมตีรถพยาบาลทางตอนเหนือของเมียนมา มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยเสียชีวิต 1 ราย
- ในภูมิภาคนี้ มีเหตุความไม่สงบบ่อยครั้ง เพราะกลุ่มกบฎมักจะปะทะกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
- กลุ่มกบฎสู้รบกับรัฐบาลเมียนมา เพราะต้องการเอกราช และสิทธิในการปกครองตนเอง
โฆษกกองทัพเมียนมา เปิดเผยถึงเหตุโจมตีรถพยาบาล ทางตอนเหนือของเมียนมา โดยรถที่ถูกโจมตีเกิดไฟไหม้อย่างรุนแรง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการปะทะกันระหว่างทหารและกบฏชาติพันธุ์
ทั้งนี้มีรายงานระบุว่า สมาชิกสมาคมการกุศลเยาวชน รายหนึ่งเปิดเผยว่า ประธานกลุ่มของนั่งอยู่ภายในรถพยาบาลคันที่ถูกยิงด้วยจรวจชนิดอาร์พีจี โดยผู้ตายถูกยิงที่ศีรษะจนเสียชีวิต โดยพร้อมกันนี้ เขาได้ตำหนิผู้ก่อความไม่สงบจากกลุ่มพันธมิตรทางเหนือซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ที่กำลังต่อสู้กับกองกำลังของรัฐบาลอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรายงานข่าว พร้อมเผยแพร่ภาพแสดงให้เห็นรถที่มีชื่อสมาคมการกุศลเยาวชนติดอยู่ โดยมีรูพรุน จากการถูกยิงด้วยกระสุนเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ในพื้นที่เมืองนองโช ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมียนมา ยังคงตึงเครียด เนื่องจากกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยในเมียนมา ที่ต่อต้านรัฐบาลบุกโจมตีพื้นที่ต่าง ๆ ทางภาคเหนือหลายแห่ง อาทิ วิทยาลัยกองทัพชั้นนำ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 10 คน เผาสถานีตำรวจ และมีการฆ่าเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจและพลเรือนรวมอย่างน้อย 14 คน นอกจากนี้พวกกบฏยังวางเพลิงด่านของตำรวจปราบยาเสพติด
อย่างไรก็ตามการสู้รบระหว่างรัฐบาล และกลุ่มกบฎ เกิดขึ้นแม้นางซูจี ที่ชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายเมื่อปี 2559 จะพยายามยุติการสู้รบยาวนานหลายทศวรรษระหว่างทางการเมียนมากับกองกำลังติดอาวุธกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รัฐบาลของเธอ ได้ทำข้อตกลงหยุดยิงกับหลายกลุ่มแล้ว แต่กลุ่มที่เคลื่อนไหวในรัฐกะฉิ่นและชานทางภาคเหนือ และรัฐยะไข่ในภาคตะวันตก ปฏิเสธทำข้อตกลงและยังคงสู้รบต่อ
ทว่า เหตุความไม่สงบและการสู่รบระหว่างรัฐบาลและกลุ่มกบฎเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย และมีความเชื่อมโยงกับการค้ายาเสพติด ทั้งนี้ความขัดแย้งตามพื้นที่ชายแดนต่าง ๆ เกิดขึ้นนับตั้งแต่เมียนมาได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อ 70 ปีก่อน โดยชนกลุ่มน้อยติดอาวุธหลายกลุ่ม เดินหน้าสู้รบกับกองทัพรัฐบาล เพราะต้องการสิทธิในการปกครองตนเองเป็นหลัก
ที่มา news.yahoo.com