ดินถล่ม น้ำป่าไหลหลาก%

ปภ.ประสาน 12 จังหวัด เฝ้าระวัง รับมือน้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาพอากาศและปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ พบว่า ในช่วง 1 – 2 วันที่ผ่านมา ภาคเหนือ…

Home / NEWS / ปภ.ประสาน 12 จังหวัด เฝ้าระวัง รับมือน้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม

ประเด็นน่าสนใจ

  • เตือน 12 จังหวัด เฝ้าระวัง รับมือน้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม ในช่วงวันที่ 17 – 20 ส.ค.นี้
  • ขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาพอากาศและปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ พบว่า ในช่วง 1 – 2 วันที่ผ่านมา

ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกต่อเนื่องและกรมทรัพยากรธรณีประกาศให้เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม ในช่วงวันที่ 17 – 20 สิงหาคมนี้ ดังนั้น ปภ. จึงได้ประสานศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต

และจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย 12 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ตาก นครนายก ตราด ระนอง พังงา และตรัง เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือน้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม ในช่วงวันที่ 17 – 20 สิงหาคมนี้

โดยสั่งการให้ศูนย์ ปภ.เขต ในพื้นที่ร่วมกับจังหวัดติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน ระดับน้ำและแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์เข้าประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย ใน 13 จังหวัด ได้แก่ สตูล ตราด ปัตตานี กาญจนบุรี อุดรธานี ตรัง นครนายก แม่ฮ่องสอน น่าน เชียงใหม่ แพร่ พะเยา และระนอง สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 10 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 3 จังหวัด คือ ในจังหวัดแพร่ พะเยา และระนอง

ซึ่งปัจจุบันระดับน้ำลดลง ทั้งนี้ ปภ. ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป

ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้โดยด่วนทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง