คริสตัลคลับ คลัสเตอร์ทองหล่อ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

‘​ชูวิทย์’ ตั้งคำถาม..? ใครอยู่เบื้องหลัง ‘คริสตัลคลับ’

ก่อนหน้านี้ 'ชูวิทย์' อกมาแฉว่าสถานบันเทิงชื่อดังอย่าง 'คริสตัลคลับ' เป็นแหล่งรวมของกลุ่มคนรวย ไฮโซ นักการเมือง

Home / NEWS / ‘​ชูวิทย์’ ตั้งคำถาม..? ใครอยู่เบื้องหลัง ‘คริสตัลคลับ’

ประเด็นน่าสนใจ

  • ก่อนหน้านี้ ‘ชูวิทย์’ อกมาแฉว่าสถานบันเทิงชื่อดังอย่าง ‘คริสตัลคลับ’ เป็นแหล่งรวมของกลุ่มคนรวย ไฮโซ นักการเมือง
  • จนมีการเปรียบเปรยว่าเป็น ‘ไทยคู่ฟ้าคลับ’
  • ล่าสุดตั้งข้อสังเกตว่า คริสตัลคลับ และเอ็มเมอรัล ที่ลงทุนไปหลายร้อยล้านบาท มีใครอยู่เบื้องหลัง

วันนี้ (10 เม.ย.64) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ถึงกรณีที่สังคมกำลังจับตามองอยู่ในขณะนี้ คือการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 จากแหล่งสถานบันเทิงย่านทองหล่อ จนเกิดเป็นคลัสเตอร์อย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อนหน้านี้นายชูวิทย์ ได้ออกมาแฉว่าสถานบันเทิงชื่อดังอย่าง ‘คริสตัลคลับ’ เป็นแหล่งรวมของกลุ่มคนรวย ไฮโซ นักการเมือง จนมีการเปรียบเปรยว่าเป็น ‘ไทยคู่ฟ้าคลับ’ ทั้งนี้มีการระบุข้อความว่า

หุ้นส่วน นอมินี อิทธิพล และลิ่วล้อ

คริสตัลคลับ และเอ็มเมอรัล ลงทุนไปหลายร้อยล้านบาท สถานที่หรูหราโอ่โถง ตั้งอยู่ในทำเลที่ดินแพงดั่งทองคำอย่างถนนทองหล่อ แหล่งรวมคอนโดหรูหรา ร้านอาหารแพงระยับ

มีใครเคยสงสัยไหมว่า เงินลงทุนมากมายขนาดนี้ เจ้าของสถานที่คริสตัลคลับคือใคร มีตัวตนมาจากไหน ทำอาชีพอะไรมาก่อน รายได้ขนาดไหน เสียภาษีเท่าไหร่?

ข่าวว่าเจ้าของชื่ออ๊อด ยังเป็นคนหนุ่ม 30 กว่าๆ แต่ขยายสาขาเป็นว่าเล่น แต่ละสาขาไหนจะค่าที่ ค่าก่อสร้าง ค่าตกแต่ง และที่สำคัญ คนไม่มีตัวตน ไม่มีที่มาที่ไป ไฉนจู่ๆ จะมาเปิดได้ยิ่งใหญ่แบบนี้?

คอนเน็คชั่นจากไหน? ใบอนุญาตสถานบริการมีหรือเปล่า? หรือว่าเป็นนอมินีใครให้ออกหน้ารับแทน? เรื่องราวเหล่านี้ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐจะหลับหูหลับตาเพราะเงินหรือเส้นสายใหญ่โต

แท้จริงใครคือหุ้นส่วนที่อยู่เบื้องหลังคลับดังแห่งนี้ ที่เป็นแหล่งรวมเหล่าลูกคนดัง ไฮโซ นักการเมือง เศรษฐีกระเป๋าหนักมาเที่ยว คนธรรมดาเดินดินกินเงินเดือนหาเช้ากินค่ำไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเหยียบเข้าไป

เรื่องอย่างนี้สิที่ผมว่าหน่วยงานสารพันของรัฐน่าจะสนใจมากกว่า ไม่ใช่ทำแบบขอไปทีให้เรื่องพ้นไปวันๆ แล้วแสร้งว่าเราเป็นคนดี ไม่กิน ไม่เที่ยว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสถานที่อโคจร แถมมาเอาเรื่องขู่เข็ญผม คนที่เอาเรื่องนี้มาพูดให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนสังคมไทย

คนทำมาหากินที่ต้องเดือดร้อน ด้วยมาตรการเข้มงวดที่เรียงหน้ากระดานกันออกมาแบบ “วัวหายล้อมคอก” เช้าสายบ่ายเย็นคำสั่งออกมาไม่หวาดไม่ไหว จนทั่วประเทศกระทบหนักเพราะคนติดจาก “คลับคนรวย” แต่พาลซวยเหมารวมปิดกันหมด

แต่ทีกับเจ้าของต้นตอแพร่กระจายโควิดอย่างคริสตัลคลับหรูอู้ฟู่ ที่รับเงินรายได้มากมายมหาศาล กลับไม่มีใครกล้าแม้แต่จะแตะ ว่าในความบกพร่องละเลยอย่างนี้สมควรต้องปิดไปเลยหรือไม่? เพราะแม้แต่ใบอนุญาตให้เปิดสถานบริการยังไม่มี

ซ้ำยังไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ต่อสังคม และประชาชน ผู้ประกอบการอื่นๆ ที่พลอยเจอนโยบายปิดหมด 41 จังหวัด ระลอกแรกยังใช้หนี้ไม่หมด ระลอกสองสามยังตามมา คนจะเดินทางกลับบ้านช่วงสงกรานต์ก็ไม่กล้า ต้องเก็บตัวอยู่กับที่ การท่องเที่ยวฟุบต่อ ความเชื่อมั่นสูญหาย ความเสียหายมากมายล้วนมาเกิดตั้งต้นจากคลับคนรวย

คำถามง่ายๆ ว่า “ทำไมความรับผิดชอบจึงตกอยู่กับชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แถมสถานที่แพร่กระจายเพียงแค่ถูกปิดไป 14 วันเหมือนกันกับคนอื่นเพียงเท่านั้นหรือ ?”

ภาพสถานที่ ที่ผมโชว์ให้ดู ถือว่าหรูหราที่สุด ลงทุนสูงสุดในประเทศไทย หากสืบสาวให้ดีจะเจอว่าเงินลงทุนเหล่านี้ลงขันมาจากหุ้นส่วนธุรกิจใด?

ซ้ำรอยกับ “หลงจู๊สมชาย” ที่เรียกว่า “ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก”

คำตอบมีให้ แต่จะให้ปิดปาก หรือให้เปิดปาก?

เพราะผลประโยชน์ของสังคมที่จะได้รับจากข้อมูลนี้เป็นเดิมพันที่สูง ถือเป็นเรื่องน่าสนใจมากกว่าที่จะหว่านแหทำให้ที่อื่นๆ อีกทั่วประเทศเดือดร้อนไปด้วย

ผมและประชาชนพอจะมีสิทธิถามท่านรัฐบาลได้บ้างไหมครับ?

หรือว่าต้องให้นั่งฟังท่านแถลงห่วงแต่รักษาภาพลักษณ์ของรัฐบาล และชื่อ “ไทยคู่ฟ้า” ที่เอามาเปรียบเปรย

โดยมีลิ่วล้อนายกฯ ชมผมว่าแก่จนผมหงอก สุนัขเลียตูดไม่ถึง พูดไม่คิดไปทำให้นายกฯ เสียหาย

ผมคงต้องยอมรับ และขอบคุณที่เอาไปเปรียบกับสุนัข เพราะผมนั้นเป็นสุนัขที่มีเจ้านายเดียว ไม่ได้เป็น “สุนัขสองราง” เปลี่ยนนายได้เพียงเศษกระดูกแล้วยอมเลียแข้งเสียขาเอาใจเจ้านายอย่างน้อยที่เห่าไป เพื่อประโยชน์ของเจ้าของบ้านประชาชนในช่วงนี้ ดีกว่ามากัดกันเองครับ


ที่มา : ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์