ประเด็นน่าสนใจ
- อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเผยว่า จากอิทธิพลพายุโซนร้อน “โพดุล” ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินสไลด์ ในพื้นที่ 13 จังหวัด
- ฝากเตือนประชาชนให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลพายุโซนร้อน “โพดุล” ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังแรง ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2562 – ปัจจุบัน ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินสไลด์ ในพื้นที่ 13 จังหวัด
ได้แก่ เชียงใหม่ แพร่ เพชรบูรณ์ อำนาจเจริญ นครพนม ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี มหาสารคาม ขอนแก่น หนองบัวลำภู ปราจีนบุรี กระบี่ และระนอง รวม 17 อำเภอ 33 ตำบล 72 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 194 ครัวเรือน ยังคงมีสถานการณ์ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี เกิดฝนตกหนักน้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ อ.กุดข้าวปุ้น บริเวณวัดบูรพานิมิตร ประชาชนได้รับผลกระทบ 65 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
ขณะที่ จังหวัดร้อยเอ็ด เกิดฝนตกหนักน้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เสลภูมิ อ.โพธิ์ชัย อ.เมยวดี และ อ.เมืองร้อยเอ็ด รวม 12 ตำบล 38 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 4,110 ไร่ ถนน 5 สาย สะพาน 1 แห่ง พนังกั้นน้ำ 3 แห่ง ปัจจุบันระดับน้ำลดลง, จังหวัด มหาสารคาม เกิดฝนตกหนักน้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ อ.เมืองมหาสารคาม บริเวณเรือนจำ ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
เพชรบูรณ์ เกิดฝนตกหนักน้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ อ.ชนแดน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง ระนอง เกิดฝนตกหนักน้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ อ.กระบุรี ประชาชนได้รับผลกระทบ 64 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย
รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ในระยะนี้หลายพื้นที่อาจเกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ปภ.จึงขอฝากเตือนประชาชนให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนและคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
ส่วนเกษตรกรให้จัดทำที่ค้ำยันต้นไม้หรือที่กำบัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากวาตภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป