◾️สถานการณ์โควิด-19 ในไทย พบผู้ป่วยรายใหม่ 194 ราย
สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย (5 เม.ย.) พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 194 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 182 ราย และผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ 12 ราย ผู้ป่วยสะสมรวม 29,321 ราย หายป่วยแล้ว 27,840 ราย (เพิ่มขึ้น 66 ราย) เสียชีวิต 95 ราย (คงที่) และกำลังรักษาตัว 1,386 ราย
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ระบุ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ (5 เม.ย.) ส่วนหนึ่งมาจากกรณีการติดเชื้อในเรือนจำ จ.นราธิวาส และกรณีเชื่อมโยงสถานบันเทิง ย่านทองหล่อ และเอกมัย กรุงเทพฯ
◾️กทม.สั่งปิดสถานบันเทิงเขต วัฒนา-คลองเตย-บางแค 6-19 เม.ย.นี้
คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร มีมติสั่งปิดสถานบันเทิงใน 3 เขต ได้แก่ เขตวัฒนา เขตคลองเตย และเขตบางแค มีผลตั้งแต่ 6-19 เม.ย. 2564 เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่สถานบันเทิงหลายแห่ง รวม 3 เขต จำนวน 196 แห่ง ส่วนสถานบันเทิงในเขตอื่น ๆ หากพบผู้ติดเชื้ออาจพิจารณาปิดเป็นกรณีไป
◾️สธ. ปรับ 5 จังหวัด เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุ ที่ประชุมคณะกรรมการ การวิชาการตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ และศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน มีมติปรับสีพื้นที่เสี่ยงโควิด-19 จำนวน 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และนครปฐม โดยปรับให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือสีแดง มีมาตรการให้ร้านอาหารและสถานบันเทิงเปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. สามารถรับประทานอาหารในร้านได้ แต่ห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกกรณี
◾️กทม.เยียวยาจนท. บาดเจ็บ-เสียชีวิต กรณีตึกทรุดตัว
กรณีเหตุเพลิงไหม้ บ้านเลขที่ 138/12 หมู่บ้านกฤษดานคร 31 เขตทวีวัฒนา จนทำให้อาคารทรุดตัวส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 6 คน และมีผู้เสียชีวิต 5 คน เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า ได้มอบหมายให้สำนักการโยธา สำนักงานเขตทวีวัฒนา ร่วมกับสถานีตำรวจท้องที่ เร่งดำเนินการตรวจสอบสาเหตุเพลิงไหม้ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
สำหรับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บทั้งหมดจะได้รับเงินสงเคราะห์ผู้ประสบภัย และ พ.ร.บ.สงเคราะห์ผู้ประสบภัย โดยจะมอบให้แก่ทายาท เพื่อนำไปใช้ในการจัดการศพ และชดเชยในความสูญเสียต่อไป และ กทม. จะเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมศพ เจ้าหน้าที่ อปพร. ในวันที่ 7 เม.ย.นี้
◾️กพท. เรียก ไทยเวียตเจ็ท แจงการชดเชยผู้โดยสาร เหตุดีเลย์ – ยกเลิกไฟลท์
สำนักการบินพลเรือนฯ ได้ประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิของผู้โดยสารกรณีเที่ยวบินล่าช้า – ยกเลิกเที่ยวบินของสายการบินไทยเวียตเจ็ท หลังจากที่พบว่ามีการยกเลิกเที่ยวบินและมีเที่ยวบินล่าช้า ได้สั่งให้ทางสายการบินชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งในเบื้องต้นได้รับการชี้แจงว่า
- กรณียกเลิกเที่ยวบิน VZ120/121 และเที่ยวบิน VZ2106/2107 เส้นทาง สุวรรณภูมิ – เชียงใหม่ และกลับ สายการบินไทยเวียตเจ็ทจัดการให้ผู้โดยสารทั้งหมดเข้าพักค้างคืนที่โรงแรม และเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินเพื่อเดินทางต่อในเช้าของวันที่ 4 เมษายน 2564 พร้อมเสนอการชำระค่าชดเชยใน 2 รูปแบบคือเงินสด 1,200 บาท หรือ Travel Voucher 1,500 บาท
- กรณีเที่ยวบินล่าช้ามากกว่า 5 ชั่วโมง ของเที่ยวบิน VZ204/205 เส้นทาง สุวรรณภูมิ – อุดรธานีและกลับ และเที่ยวบิน VZ310/VZ311 เส้นทาง ภูเก็ต-สุวรรณภูมิ และกลับ สายการบินไทยเวียตเจ็ทได้จัดอาหารให้ผู้โดยสารระหว่างการรอขึ้นเครื่องบิน พร้อมเสนอการดูแลผู้โดยสารด้วยการคืนเงินค่าโดยสาร หรือ การเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน หรือเดินทางโดยการขนส่งทางอื่น และข้อเสนออื่น ๆ ตามที่ประกาศกระทรวงคมนาคมฯ กำหนด พร้อมเสนอการชำระค่าชดเชยใน 2 รูปแบบคือ เงินสด 600 บาท หรือ Travel Voucher 900 บาท
- กรณีเที่ยวบินล่าช้ามากกว่า 3 ชั่วโมง ของเที่ยวบิน VZ214/215 เส้นทาง สุวรรณภูมิ – ขอนแก่น และกลับ รวมถึงเที่ยวบิน VZ310/311 เส้นทาง สุวรรณภูมิ-ภูเก็ต และกลับ เนื่องจากปัญหาการหมุนเวียนอากาศยานไม่ทัน สายการบินไทยเวียตเจ็ทได้จัดอาหารให้ผู้โดยสารระหว่างการรอขึ้นเครื่องบินและเสนอการดูแลผู้โดยสารด้วยการคืนเงินค่าโดยสาร หรือการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน หรือเดินทางโดยการขนส่งทางอื่น
ซึ่งจากการชี้แจงของสายการบิน ทางสำนักการบินพลเรือนได้แจ้งย้ำถึงประกาศกระทรวงคมนาคม ในเรื่องของการคุ้มครองสิทธิของผู้โดยสาร พร้อมทั้งระบุว่า แม้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีสาเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากความปลอดภัย แต่สายการบินมีหน้าที่ในการดูแลผู้โดยสารตามกฎหมาย โดยทางสำนักการบินพลเรือนฯ ได้กำชับให้สายการบินดูแล และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงให้รวบรวมหลักฐานการดูแลผู้โดยสาร โดยเฉพาะค่าชดเชยรายบุคคลจากการถูกยกเลิก มาให้ทางสำนักการบินพลเรือนตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดสำหรับการดูแลผู้โดยสารให้ครบถ้วน
ซึ่งหากพบว่า ไม่ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงคมนาคมฯ หรือมีผู้โดยสารร้องเรียนว่า ไม่ได้รับการดูแล จะมีโทษตาม พ.ร.บ. การเดินอากาศต่อไป
