กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง (มีผลกระทบจนตั้งแต่วันที่ 2-4 ก.ค.2562) ฉบับที่ 2
ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 2-4 ก.ค. 62 ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยจะมีฝนตกหนักมากบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักถึงหนักมากไว้ด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ โดยจะมีผลกระทบตามภาคต่าง ๆ ดังนี้
วันที่ 2 ก.ค. 62
ภาคเหนือ : จังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร ตาก และ เพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ยโสธร ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และ อุบลราชธานี
ภาคกลาง : จังหวัดกาญจนบุรี อุทัยธานี สุพรรณบุรี ราชบุรี นครปฐม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ภาคตะวันออก : จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และ ตราด
วันที่ 3-4 ก.ค. 62
ภาคเหนือ : จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร ตาก และ เพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ยโสธร ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และ อุบลราชธานี
ภาคกลาง : จังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี นครปฐม และ สุพรรณบุรี
ภาคตะวันออก : จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และ ตราด
ภาคใต้ : จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และ ภูเก็ต
ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนผ่านอ่าวตังเกี๋ยในวันที่ 2 ก.ค. 62 และจะเข้าปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบน และประเทศลาวในช่วงวันที่ 3-4 ก.ค. 62 ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและประเทศลาวเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง โดยหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีก
จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง