ประเด็นน่าสนใจ
- สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 (ขอนแก่น) ชี้แจงประเด็น”พบช้างป่าภูหลวงล้มกลางไร่มันชาวบ้าน คาดโดนพิษไซยาไนด์”
- เจ้าหน้าที่ฯยังไม่ทราบสาเหตุการตายที่แน่ชัด แต่คาดว่าอาจเกิดจากการที่ช้างกินหัวมันสำปะหลังซึ่งมีสารไซยาไนต์จึงตาย จึงได้เก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อ พร้อมหัวมันสำปะหลังที่พบที่ปลายงวง เพื่อนำไปตรวจสอบหาสารพิษหรือสาเหตุการตายตามหลักวิชาการทางวิทยาศาสตร์
เมื่อวันที่ 2 ก.ค.2562 นักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 (ขอนแก่น) ชี้แจงประเด็นที่ลงข่าวทางโทรทัศน์ และสื่อทางไลน์อิเล็กทรอนิค กรณี “พบช้างป่าภูหลวงล้มกลางไร่มันชาวบ้าน คาดโดนพิษไซยาไนด์” ดังนี้
1.วันอังคารที่ 2 ก.ค.2562 เวลาประมาณ 09.45 น. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ได้รับแจ้งจากฝ่ายปกครอง อ.ภูหลวง ว่าชาวบ้าน บ.ศรีเจริญ ต.เลยวังไสย์ อ.ภูหลวง จ.เลย แจ้งว่าพบช้างป่าล้ม (ตาย) จำนวน 1 ตัว ขอให้เขตฯ เข้าไปตรวจสอบด้วย
2. จากการสอบถามเบื้องต้น ทราบว่า ช้างล้มบริเวณทุ่งนา นอกพื้นที่เขตฯ
3. เจ้าหน้าที่เขตฯภูหลวง และหัวหน้าโครงการฟื้นฟูอาหารช้างป่าภูหลวง อันเนื่องมาจากพระราชดำริได้ร่วมตรวจสอบกับ นายอำเภอภูหลวง ฝ่ายปกครองอำเภอภูหลวง ปศุสัตว์อำเภอภูหลวง พิสูจน์หลักฐานจังหวัดเลย และตำรวจ
ผลการตรวจสอบเบื้องต้น ดังนี้
- ช้างป่าเพศผู้ อายุประมาณ 45-50 ปี
- เส้นรอบวงตีนหน้า 128 ซม.
- น้ำหนักประมาณ 3-3.5 ตัน
- สภาพซากนอนตะแคงซ้าย หัวพาดขอบทาง ปลายงวงพบหัวมันสำปะหลัง 1 หัว จากการสอบถามราษฎรที่พบซากช้างซึ่งมีพื้นที่เกษตรบริเวณนี้ แจ้งว่า ได้เดินทางมาทำไร่นาเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2562 และเดินทางกลับบ้านเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันเดียวกัน และได้เดินทางกลับมาอีกครั้งในวันที่ 2 ก.ค.2562 เวลาประะมาณ 08.50 น. และได้มาพบซากช้างป่าดังกล่าว คาดว่าช้างล้มมาแล้วประมาณ 2 วัน
- บริเวณหน้าผากพบร่องรอยกระสุนลูกปรายจากปืนลูกซอง ตรวจสอบแล้วเป็นรอยแผลที่เกิดมานานแล้ว
- สภาพพื้นที่เกิดเหตุเป็นไร่มันสำปะหลัง สลับนาข้าว สวนกล้วย
- จุดเกิดเหตุอยู่ที่พิกัด 772954E 1890372N อยู่นอกพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวงประมาณ 1.5-2 กม.
4.พิสูจน์หลักฐานจังหวัดเลยตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบเพียงร่องรอยการเดินหากินของช้างตัวที่ล้ม และไม่พบสิ่งผิดปกติในบริเวณจุดเกิดเหตุ
5.ปศุสัตว์อำเภอ และเจ้าหน้าที่เขตฯได้ร่วมทำการผ่าซากช้างป่าพบว่าในท้องช้างมีแก๊สเป็นจำนวนมาก จากการชันสูตรเบื้องต้น ยังไม่ทราบสาเหตุการตายที่แน่ชัด แต่คาดว่าอาจเกิดจากการที่ช้างกินหัวมันสำปะหลังซึ่งมีสารไซยาไนต์ จึงตาย
ปศุสัตว์อำเภอได้เก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อ (ปลายลิ้น ปลายงวง ขน ตับ เนื้อเยื่อในกระเพาะ กระเพาะ) และตัวอย่างอาหารในกระเพาะ พร้อมหัวมันสำปะหลังที่พบที่ปลายงวง แล้วมอบให้ จนท.ขสป.ภูหลวง นำส่งให้สัตวแพทย์ กรมอุทยานฯ เพื่อนำไปตรวจสอบหาสารพิษหรือสาเหตุการตายตามหลักวิชาการทางวิทยาศาสตร์ต่อไป
6.จะได้ดำเนินการฝังทำลายซากช้างป่าตามหลักวิชาการ
7. ได้มอบหมายให้นายบัวพันธ์ ธรรมกุล พนักงานพิทักษ์ป่าระดับ ส 3 เป็นผู้นำบันทึกการตรวจสอบเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อสถานีตำรวจภูธรภูหลวง จ.เลย เพื่อดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ สบอ.8 (ขอนแก่น) ได้สั่งการและกำชับให้เขตฯภูหลวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพิ่มการลาดตระเวณเชิงคุณภาพอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ให้ทั่วทั้งพื้นที่ และรอบนอกเขตฯ ที่คาดว่าช้างป่าจะออกนอกพื้นที่
ตลอดจนให้เน้นการสร้างความเข้าใจ การประชาสัมพันธ์ และการมีส่วนร่วมของชุมชนในการแก้ไขปัญหาผลกระทบระหว่างช้างป่ากับชุมชนอย่างต่อเนื่อง
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 (ขอนแก่น)