ประเด็นน่าสนใจ
- ศาลอยุธยาได้นัดฟังคำพิพากษาคดี หญิงวัย 19 เสียชีวิตปริศนาหลังกลับจากเที่ยวผับ เหตุเกิด 19 ก.ค. 61
- คดีนี้ผู้ต้องสงสัยคือคนขับรถบรรทุก หลังพบเป็นคนอาสาพาหญิงสาวกลับบ้าน
- ศาลตัดสินให้ยกฟ้อง เหตุไม่มีพยานรู้เห็นว่าผู้ต้องหากระทำความผิด
- ให้คุมขังไว้ก่อนระหว่างรออุทธรณ์
วันนี้ (5 ก.ค. 2562) ผู้สื่อข่าว MThai ได้มีการรายงานถึงความคืบหน้าในคดีที่ น.ส.นรีกานต์ ยาวิราช หรือน้องหญิง อายุ 19 ปี เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา หลังกลับจากเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายสุรพล ดาราคำ หรืออ๊อฟ อายุ 23 ปี เป็นผู้ขับรถเทรลเลอร์พาไปส่งบ้าน
แต่ระหว่างทางน้องหญิงกระโดดลงจากรถจนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 19 ก.ค. 2561 และทางญาติไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เป็นการฆาตกรรม จึงร้องเรียนขอความเป็นธรรม ต่อมาตร.รวบรวมพยานหลักฐาน แจ้งข้อกล่าวหานายสุรพล ดาราคำ ในข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังถึงแก่ความตาย
และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายและฆ่าผู้อื่น ส่วน น.ส.เป็ด เพื่อนสนิทน้องหญิง ที่อยู่ในสถานบันเทิงด้วยกัน และแนะนำให้น้องน้องหญิง รู้จักกับนายอ๊อฟ ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ให้การสนับสนุน หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังถึงแก่ความตาย ว่า
ศาลยกฟ้อง เหตุไม่มีพยานรู้เห็น จำเลยเป็นผู้กระทำผิด
ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นัดฟังคำพิพากษา ในคดีคดีน้องหญิงเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา โดยมีนายษิทา เบี้ยบังเกิด ทนายความ, นายสมควร ดาราคำ พ่อของนายสุรพล ดาราคำ หรืออ๊อฟ ผู้ต้องหา พร้อมครอบครัวเดินทางมารับฟังของคดี
นอกจากนี้นายนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม, นายสุบิน ยาวิราช พ่อของน้อง น.ส.นรีกานต์ หรือน้องหญิง ยาวิราช ผู้เสียชีวิตพร้อมครอบครัว เดินทางมาที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อรับฟังการตัดสินของคดี หลังจากการสืบพยาน ตรวจสอบพยานหลักฐาน เกือบ 1 ปี เต็ม
ซึ่งจากการพิจารณาจากพยานและหลักฐานแล้ว ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้พิพากษายกฟ้องนายสุรพล ดาราคำ ข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขัง หรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
และเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังถึงแก่ความตาย และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายและฆ่าผู้อื่น
เนื่องจากการสืบพยานของโจทก์ ไม่มีพยานรู้เห็นการกระทำความผิด มีพยานซึ่งเป็นแพทย์ของสถานบันนิติวิทยาศาสตร์ ว่าบาดแผลของผู้เสียชีวิต จากสมองบวมช้ำเลือด บวม น้ำ กะโหลกแตก เกิดจากการถูกกระแทกด้วยของแข็งไม่มีคมอย่างที่ศีรษะ 2 ครั้ง
และรอยพกช้ำที่สันหมัดมือขวาบริเวณ ข้อนิ้วกลาง ข้อนิ้วนาง ข้อนิ้วก้อย ของผู้ตาย เกิดจากการถูกกระแทก ด้วยของแข็งไม่มีคม และเข้ากันได้กับบาดแผลต่อสู้ป้องกันตนเองของผู้ตาย ซึ่งสอดคล้องกับพยานซึ่งเป็นแพทย์ของโจทก์ มีการพิจาณาจากภาพถ่ายการชันสูตรศพประกอบ
จำเลยได้นำพยานซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นิติเวชศาสตร์ เบิกความให้ความเห็นทางการแพทย์ บาดแผลและอาการของผู้ตาย อาจเกิดจากศีรษะตกกระทบกับของแข็งแต่เข้ากันไม่ได้กับวัตถุทรงกลม ส่วนบาดแผลลอกครูดฟกช้ำที่ผิวหนังบริเวณแขนและตามร่างกายของผู้ตายเกิดจากร่างกายเคลื่อนที่กระทบกับของแข็ง
บาดแผลที่สันมัดของผู้ตายเข้ากันได้กับลักษณะของ การตกกระทบมากกว่า บาดแผลของการต่อสู้ บาดแผลตามร่างกายของผู้ตายมีลักษณะเข้ากันได้กับการกระแทกกับวัตถุที่มีรอยประทับรูปตาราง อีกทั้งผลการเก็บตรวจดีเอ็นเอของผุ้ตายที่บริเวณบันไดด้านซ้ายของรถยนต์บรรทุก
จึงสอดคล้องกับกับความคิดเห็นของพยานจำเลยซึ่ง เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นิติเวชศาสตร์ การเสียชีวิตของผู้ตายเกิดจากการพลัดตกจากรถ และฝ่ายโจทก์ไม่สามารถระบุยืนยันได้ว่าผู้ตายถูกทำร้ายด้วยอาวุธชนิดใด จึงยังเป็นเหตุให้สงสัย พิพากษายกฟ้อง
นอกจากนี้พยานหลายปากให้การสอดคล้องกัน เชื่อได้ว่าผู้ตายไม่ได้ถูกนายอ๊อฟกักขัง หรือบังคับขู่เข็ญผู้ตาย และผู้ตายยังสามารถใช้โทรศัพท์ติดกับพยานของฝ่ายโจทก์ได้ ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง ข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขัง หรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจาก เสรีภาพในร่างกาย
จึงทำให้ฟังได้ว่า น.ส.สิรินาถ หรือเป็ด รอบรัมย์ ผู้ต้องหาในข้อหาให้ การสนับสนุน หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำการด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย กระทำความผิดศาลพิพากษายกฟ้อง ศาลสั่งให้ขังนายสุรพล หรืออ๊อฟไว้ก่อนระหว่างอุทธรณ์
ด้านนายสมควร ดาราคำ พ่อของนายอ๊อฟ กล่าวภายหลังได้ฟังคำตัดสินของศาลว่า ครอบครัวดาราคำทุกคนรู้สึกดีใจโล่งใจมากกับที่เฝ้ารอคอยวันนี้ ลูกชายของตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้ฆ่าน้องหญิง ตระกูล ดาราคำ ไม่ใช่คนเลวร้าย หลังจากนี้ตนเองจะต้องหาหลักทรัพย์เพื่อขอยืนประกันตัวลูกชายในระหว่างอุทธรณ์ ซึ่งอาจจะต้องไปยืมเงินหรือขอเช่าหลักทรัพย์
ครอบครัวจำเลยเปิดใจหลังศาลตัดสินยกฟ้อง ด้านฝ่ายโจทก์เล็งอุทธรณ์ต่อ
ส่วนนายษิทา เบี้ยบังเกิด ทนายความ ตนเองรู้สึกเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย ตนเองเข้ามาทำคดีนี้ซึ่งอยู่ในช่วงของการพิจารณาคดีแล้ว ต้องใช้หลักวิชาการทางแพทย์นิติเวชศาสตร์ รวมถึงผู้เชียวชาญเข้ามาในการสืบพยาน และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบด้วย และอ๊อฟ เท่าที่มีการพูดคุยกันไม่น่าที่จะเป็นคนทำร้ายร่างกายน้องหญิง เราจะเอาคนที่บริสุทธิ์ ไปถูกจำคุกไม่ได้
ขณะที่นายสุบิน ยาวิราช พ่อของน้อง น.ส.นรีกานต์ หรือน้องหญิง กล่าวว่า น้อมรับคำตัดสินของของศาล แต่ตนเองยังเชื่อว่า ลูกสาวถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตมากกว่าที่จะพลัดตกจากรถบรรทุก ด้วยผลการชันสูตรของแพทย์ และจากคลิปเสียงที่น้องหญิงโทรหาเพื่อน ระหว่างที่อยู่กับผู้ต้องหา ต้องมีเหตุแรงจูงใจอะไรที่ลูกสาวต้องตกจากรถ ตนจะสู้ต่อไปเพื่อให้ความเป็นธรรมกับลูกสาว
ด้านนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวว่า รับในคำตัดสินของศาล แต่เรายังมีความสงสัยว่า ทำไมจึงไม่มีการนำสืบพยานในส่วนของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม คลิปเสียงที่ผู้ตายพุดคุยกับเพื่อนขณะอยู่บนรถ และองค์ประกอบทำไมผู้ตายถึงตกจากรถ
ส่วนของวัตถุพยานที่ทำใช้ในการทำร้ายร่างกายหาไม่ได้เพราะคดีกว่าที่จะมีการเริ่มต้นการสอบสวนผ่านไปหลายวัน ทำไมผลชันสูตรของนิติเวชจึงเชื่อถือไม่ได้ ในกระบวนการยุติธรรมจะไปทางไหนหากผลการตรวจของนิติวิทยาศาสตร์เชื่อถือไม่ได้