ประเด็นน่าสนใจ
- สาวแม่ค้าออนไลน์ที่โพสต์เล่าเรื่องกรณีทำกระเป๋าหรูหาย แต่ได้บุคคลนิรนามชื่อ ‘นวย’ เก็บเป๋าส่งคืน เข้าพบ พงส.ปอท.รับทราบข้อหา พรบ.คอมพ์ 14(1) นำข้อมูลอันเป็นเท็จฯ เข้าสู่ระบบคอมพ์
- ข้อหานี้ มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ
- เจ้าตัวยังยืนยันเป็นเรื่องจริง ขอใช้สิทธิต่อสู้คดีในชั้นศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (8 ก.ค.) เวลาประมาณ 15.00 น. หญิงสาวเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กผู้โพสต์ “นวย เก็บกระเป๋า” พร้อมทีมทนายความ 2 คน เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ปิยวัฒน์ ปริญญา รอง สว.(สอบสวน)กก.3 บก.ปอท.เพื่อรับทราบข้อกล่าวหากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 (1) โดยผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นความจริง ขอใช้สิทธิต่อสู้คดีในชั้นศาล
สำหรับคดีนี้สืบเนื่องจากกรณีที่เจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ก เป็นผู้หญิงมีอาชีพแม่ค้าออนไลน์คนหนึ่งโพสต์ข้อมูลอ้างว่าทำกระเป๋าหรูหาย…แล้ว”นวย” ซึ่งเป็นกรรมกรก่อสร้าง เก็บกระเป๋าที่หายได้และส่งคืนให้เธอ โดยโพสต์เฟซบุ๊กบอกเล่าเรื่องราว หลังจากที่เธอทำกระเป๋าแบรนด์หรูหล่นหาย ปรากฏว่ามีคนเก็บไว้ได้แล้วส่งคืนทางไปรษณีย์ โดยของข้างในกระเป๋าอยู่ครบ ขาดแค่เงินเพียง 200 บาท เท่านั้น ที่หายไป
โดยผู้ที่เก็บกระเป๋าไว้ได้แล้วส่งคืน ใช้ชื่อว่า “นวย” เขียนข้อความในกระดาษ ระบุว่า “ผมเจอตกที่กำแพง ผมเป็นคนดี แต่ผมจน ผมขอค่าเหล้า 1 ขวด ค่าไปรษณีย์ ค่าเสียเวลา 200 ไม่รู้ว่าใครคือผม ผมสบาย ปิดทองหลังพระ นวย” ต่อมาหญิงสาวดังกล่าวยังได้โพสต์ยืนยันอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องจริง โดยอ้างว่าสามารถติดต่อ “นวย” ทางโทรศัพท์ได้ โดยโพสต์เพิ่มเติมว่า
” นวย รับสายครั้งแรก บอกว่า ยุ่งอยู่ งานยุ่ง เทปูนก่อนนะ นวยรับสายครั้งล่าสุดบอกว่า ไม่ต้องการเงิน ไม่มีเลขบัญชี ไม่รู้ที่อยู่ เพราะอยู่แคมป์คนงานก่อสร้าง ถ้าอยากตอบแทน #ผมขอเหล้าขาวสองขวดพอคับ ปล.ผมตรวจหวยให้แล้ว มันบ่ถูกเด้อคับ #รักนวยไปอี้กกกกก #ให้เหล้าเท่ากับแช่ง แต่ถ้านวยต้องการ #นวยจะได้เหล้าค่ะ #นวยแน่มาก!!
จนมีเสียงเรียกร้องจากชาวเน็ตให้พา “นวย” มาปรากฏตัวต่อสาธารณชน เพื่อคลายข้อสงสัยว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เนื่องจากหญิงสาวเจ้าของโพสต์เป็นแม่ค้าออนไลน์ อาจมีเจตนาอย่างอื่นแอบแฝง
จากนั้น ชาวเน็ตได้มีการแชร์เรื่องราวมากมาย จนเกิดเป็นกระแสดรามา จนโลกโซเชียลสงสัยตั้งข้อสังเกตวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง ล่าสุดบัญชีเฟซบุ๊ก ดังกล่าวได้ปิดไปแล้ว
ซึ่งในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเป็นที่สนใจของประชาชน และอาจเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ สร้างความสับสนในสังคม พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท. จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.ขวัญชัย พัฒรักษ์ ผกก.3 บก.ปอท. สืบสวนสอบสวน มีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว จนเชื่อว่าเรื่องราวดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นจริง จึงมอบหมายให้ พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท.ออกหมายเรียกหญิงสาวเจ้าของโพสต์กระเป๋าหาย ให้มาพบพนักงานสอบสวน วันที่ 29 มิ.ย.ก่อนจะขอเลื่อนอ้างเหตุผลว่าป่วยไม่สบายไม่สามารถมาพบพนักงานสิบสวนได้
ก่อนจะเลื่อนมาพบในวันนี้ เพื่อให้มาชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (1)โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
สำหรับคดีนี้ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ฐานะโฆษก บก.ปอท. กล่าวว่าผู้ต้องหาได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเมื่อวานนี้รับทราบข้อหากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 (1) ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (1)โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
สำหรับการให้การปฏิเสธนั้น เป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา เป็นเรื่องในคดีที่ต้องมีการต่อสู้พิสูจน์ความจริงตามพยานหลักฐานในชั้นศาลต่อไป
ตนอยากจะฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังใช้สื่อโซเชียล โดยเฉพาะการโพสต์หรือส่งต่อข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ต้องคิดและตรวจสอบข้อมูลก่อนโพสต์ ควรโพสต์สิ่งที่เป็นความจริง ไม่สร้างความสับสนให้กับสังคม เพราะหากที่นำข้อมูลที่เป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยมีเจตนาทุจริต และอาจเกิดความเสียหายกับประชาชน อาจเข้าข่ายความผิดที่จะถูกดำเนินคดีตามฐานความผิดดังกล่าวได้ จะมาอ้างที่หลังว่าไม่รู้กฎหมาย หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์คงไม่ได้ เพราะกฎหมายบัญญัติไว้อย่างชัดเจน