กทม. แจงเรื่อง ต่อสัมปทานบีทีเอสสายสีเขียวอีก 40 ปี เพื่อให้การเดินรถเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

นายพานุรักษ์ กลั่นนุรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. เปิดเผยตามที่สื่อมวลชนเสนอข่าว กทม. เลือกใช้แนวทางต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียวให้อีก 40 ปี แบบเหมารวม ทั้ง 2 สัญญาสัมปทานเดินรถ ได้แก่ สัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวของ…

Home / NEWS / กทม. แจงเรื่อง ต่อสัมปทานบีทีเอสสายสีเขียวอีก 40 ปี เพื่อให้การเดินรถเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

นายพานุรักษ์ กลั่นนุรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. เปิดเผยตามที่สื่อมวลชนเสนอข่าว กทม. เลือกใช้แนวทางต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียวให้อีก 40 ปี แบบเหมารวม ทั้ง 2 สัญญาสัมปทานเดินรถ ได้แก่ สัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวของ BTS สายหลักที่ให้บริการในปัจจุบัน คือ (1) ช่วงหมอชิต – อ่อนนุช และ (2) ช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ – สะพานตากสิน ที่จะหมดสัญญาในปี 2572 ส่วนสัญญาสัมปทานเดินรถส่วนต่อขยาย ช่วงอ่อนนุช – แบริ่ง และช่วงสะพานตากสิน – บางหว้า ที่จะหมดสัญญาในปี 2585 ว่า

การดำเนินแนวทางดังกล่าวเป็นไปตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่อง การดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยมีวัตถุประสงค์ให้การเดินรถเป็นไปอย่างต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกัน (Through Operation) สามารถอำนวยความสะดวกสบายในการเดินทาง มีการกำหนดอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม เป็นธรรม ไม่เป็นภาระแก่ประชาชน เพื่อให้การเข้าถึงการใช้บริการระบบขนส่งมวลชนเป็นไปอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง อันจะเป็นประโยชน์ต่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน และเพิ่มประสิทธิภาพต่อระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ

ซึ่งคำสั่งดังกล่าวให้กระทรวงมหาดไทย แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณา ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ปลัดกระทรวงการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อัยการสูงสุด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินและด้านระบบรถไฟฟ้า ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งด้านละหนึ่งคน เป็นกรรมการ และให้ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นกรรมการและเลขานุการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกำหนดหลักเกณฑ์และเจรจากับผู้รับสัมปทานรายเดิม เพื่อให้รัฐและประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด รวมถึงให้เอกชนสามารถประกอบกิจการต่อไปได้ โดยที่ผู้รับสัมปทานจะต้องรับภาระการลงทุนในส่วนต่อขยาย รับภาระหนี้สิน และทรัพย์สินของโครงการทั้งหมด และต้องจ่ายส่วนแบ่งรายปีให้กับ กทม.