ประเด็นน่าสนใจ
- พรรคอนาคตใหม่ ” รับหนังสือร้องเรียนกรณี ” รับน้องโหด” ทำนักเรียนชั้น ม.3 อยู่ในอาการโคมา
- ”ครูจุ๊ย” เล็งเพิ่มบทบาทหน้าที่ “กรรมการสถานศึกษา” ให้ความรู้เด็กเรื่องสิทธิในร่างกาย
วันนี้ ( 10 ก.ค. 62 ) ที่ รัฐสภาชั่วคราว บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ตัวแทนกลุ่ม NGN จ.นครปฐม และกลุ่ม Anti-SOTUS ร่วมยื่นหนังสือต่อ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน กรณีเหตุการณ์การใช้ความรุนแรงในการรับน้องในโรงเรียนแห่งหนึ่งของ จ.นครปฐม จนทำให้เด็กนักเรียนชั้น ม.3 ขณะนี้อยู่ในอาการโคมา
โดย น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า เรื่องการใช้ความรุนแรงในสถานศึกษา ปัญหาสวัสดิภาพเด็ก เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเราไม่เคยแก้ปัญหาที่โครงสร้างรัฐ ดังนั้น พรรคอนาคตใหม่ขอเสนอ ใช้กลไกภาครัฐเข้าจัดการ โดยใช้กลไกที่ใกล้ชิดกับเด็กที่สุด นั่นคือ กรรมการสถานศึกษา ซึ่งที่ผ่านมา ไม่สามารถบังคับใช้อำนาจได้อย่างเต็มที่ ทำให้นักเรียน ผู้ปกครองต้องไปร้องเรียนหน่วยงานอื่น เท่ากับว่าโรงเรียนไม่สามารถจัดการปัญหาตัวเองได้
“พรรคอนาคตใหม่จะเสนอให้มีการบรรจุเรื่องอำนาจและหน้าที่ของกรรมการสถานศึกษาในการกำกับควบคุม ดูแล ติดตาม กรณีทุกกรณีที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและสวัสดิภาพของเด็กทุกคนที่อยู่ในโรงเรียน ซึ่งจะอยู่ในขั้นตอนการยกร่าง พ.ร.บ. การศึกษาฉบับใหม่ นอกจากนี้ เราจะมีการพูดคุยกับทางภาคประชาสังคมด้วยถึง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ควรกำหนดบทบาทและหน้าที่ของกรรมการสถานศึกษาให้สามารถกำกับดูแลกรณีลักษณะนี้ด้วยหรือไม่
อย่างไรก็ตาม กลไกภาครัฐอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการป้องปรามปัญหาในระยะยาว เราจะเสนอให้มีการศึกษาเกี่ยวกับสิทธิร่างกายเด็กอย่างเป็นรูปธรรม สอนให้เด็กเข้าใจเรื่องการล่วงละเมิดในลักษณะต่างๆ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น วาระเรื่องสวัสดิภาพเด็กและความปลอดภัยของเด็กควรจะเป็นเรื่องของทุกคนในประเทศ ควรที่จะเป็นวาระแห่งชาติมานานแล้ว แต่ได้ถูกปล่อยปละละเลย เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ซ้ำซากไม่จบสิ้น พรรคอนาคตใหม่ขอเริ่มต้นจัดการปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรม” น.ส.กุลธิดา กล่าว
น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ จ.นครปฐม กล่าวว่า การใช้ความรุนแรงในโรงเรียนแห่งหนึ่งของ จ.นครปฐม ถึงตอนนี้ผ่านมา 11 วันแล้ว อาการของนักเรียนชั้น ม.3 ที่ถูกทำร้ายร่างกายยังไม่ดีขึ้น ยังมีอาการสมองช้ำ ปอดบวม และจากการพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กก็ยังคงทำใจไม่ได้ แม้นักเรียน ม. 6 ที่ก่อเหตุจะมอบตัวกับเจ้าหน้าที่แล้วก็ตาม
การใช้ความรุนแรงลักษณะนี้มีมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีมาตรการทางกฎหมายแล้วยังเกิดขึ้นอีก จึงอยากให้มองลึกลงไปถึงปัญหาว่า กลุ่มผู้ที่ก่อเหตุอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน เติบโตมาอย่างไร เพราะการใช้ความรุนแรงในสภานศึกษาสะท้อนสภาพสังคม เรามีการใช้ความรุนแรงการพูดการกระทำเป็นเรื่องปกติ
ดังนั้นต้องตระหนักเรื่องสิทธิมนุษยชน เรื่องคนเท่าเทียมกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหตุแบบนี้ ต้องบอกว่าทุกคนเป็นเหยื่อ เด็ก ม.3 เป็นเหยื่อการใช้ความรุนแรง ส่วนเด็ก ม.6 เป็นเหยื่อของการปลูกฝังความเชื่อผิดๆ นี่เป็นปัญหาที่เราทุกคนควรร่วมมือกันแก้ไขโดยด่วน
ด้าน ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า จากการเดินทางไปในพื้นที่โรงเรียน จ.เลย ได้ทราบปัญหาเรื่องการใช้ความรุนแรงต่อเด็ก เรื่องการล่วงละเมิด ไม่ว่าจะโดยรุ่นพี่ต่อรุ่นน้อง ครูกับศิษย์ รวมถึงยังพบด้วยว่าความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศ การใช้คำ ยังขาดความความเข้าใจ
ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพราะมาจากการขาดความเข้าใจนี่เอง ตอนนี้กระทรวงศึกษามีหลักสูตรวิชาสุขศึกษา ตั้งแต่ ป.1- ม.6 ที่พูดถึงเรื่องความเข้าใจในความหลากหลายทางเพศแล้ว แต่ทว่า คนในแวดวงการศึกษา คนในสถานศึกษายังขาดความเข้าใจ จึงอยากให้มีการทำความเข้าใจแบบเรียนนี้ให้ละเอียดต่อไป