ปารีณา ไม่ขัด ส.ส.ใส่ผ้าไทย แต่ต้องรู้จักกาลเทศะ รัฐสภาไม่ใช่ที่มาหมุนตัวเล่น ด้าน “ปดิพัทธ์” อภิปรายเดือด “เกียรติยศสภา” ไม่ได้อยู่ที่การแต่งกาย
วันนี้ ( 10 ก.ค. 62 ) ที่ ศูนย์ประชุมใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ถนนแจ้งวัฒนะ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงเรื่องการแต่งกาย ส.ส. ที่มาประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า
เกิดจากความคิดที่หลากหลายของสมาชิก สำนึกถูกผิด รากเหง้า ครอบครัว ต่างกันที่การอบรมสั่งสอนจากที่บ้าน โดยส่วนตัวตนไม่ขัดการแต่งกายผ้าไทย ไม่ขัดที่ ส.ส.แต่งกายชุดไทยตามภาพยนต์ เพียงการแต่งกาย ควรเคารพสถานที่ รู้จักกาลเทศะ รัฐสภาไม่ใช่ที่หมุนตัวเล่นๆ มาโชว์กัน
ด้านนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายเรื่องการแต่งกาย ในกรณีที่มีการพาดพิงถึงพรรคอนาคตใหม่ว่า แต่งกายไม่ให้เกียรติสถานที่ ไม่สุภาพด้วยการไม่ยอมผูกเนคไท
โดยระบุว่า ตนเองเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้ผูกเนคไทในวันนี้ อยากตั้งคำถามว่า เกียรติยศเกียรติภูมิของสภาอยู่ที่ไหนกันแน่ อยู่ที่เครื่องแต่งกายหรือการตั้งใจทำงานของพวกเรา วันนี้ ประชาชนตั้งคำถามมากเรื่องการเลือกตั้งที่สับสน ตั้งคำถามมากเรื่องการตั้งรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ ตั้งคำถามเรื่องเก้าอี้ที่ว่างเปล่าในที่ไม่มี ส.ส.เข้าประชุม
ซึ่งเงินที่ใช้มาจากภาษีของประชาชน เกียรติยศของความเป็น ส.ส.นั้นไม่ใช่สิ่งที่สร้างขึ้นมาได้เอง แต่เป็นสิ่งที่ประชาชนมอบให้ ส.ส.ควรตอบแทนด้วยการตั้งใจทำงาน ไม่ตระบัดสัตย์ทำตามที่เราหาเสียงไว้ และให้เกียรติกับผู้คนที่อยู่ในสภา ไม่ว่าจะเป็นบุคลากร เจ้าหน้าที่ ซึ่งตนเห็นว่าสภาต้องก้าวข้ามเรื่องภายนอกอย่างการแต่งตัว
การเคารพสถานที่สามารถแสดงออกได้ในมิติที่ลึกซึ้งมากกว่าการแต่งกาย ต้องยอมรับว่าการแต่งกายตามสากลนิยม หากดูในประเทศประชาธิปไตยที่มีการพัฒนาแล้ว เขาให้ความใส่ใจในการแต่งตัวน้อยลง ความสุภาพสามารถแสดงออกได้ในความหลากหลายทางวัฒนธรรม ไม่จำเป็นต้องแต่งกายเหมือนกันทุกคน
ผมอยากให้สภาแห่งนี้เป็นตัวแทนของคนทุกกลุ่มที่ดำรงชีวิตอยู่ในประเทศไทยนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ รวมไปถึงคนที่มีสถานะทางสังคมที่แตกต่างกัน
ความสากลถูกพัฒนามาเรื่อยๆ ประเทศต้นแบบทางประชาธิปไตยอย่างอังกฤษ เข้าสภาไม่ต้องถูกเนคไท ดังนั้น เราควรแสดงออกด้วยการทำงาน วิสัยทัศน์ ความตั้งใจทำงานมากกว่า ความเป็นสากลเป็นเรื่องที่ปรับเปลี่ยนได้ ผมว่าได้เวลาแล้ว ที่เราต้องมาหาว่าความเป็นสากลที่เหมาะกับประเทศไทยว่าอยู่ตรงไหน