กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จับกุม 8 ใน 13 ผู้ต้องหาที่ร่วมกันแชร์ข่าวแอบอ้างรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้บงการทำร้ายร่างกาย จ่านิว ได้รับบาดเจ็บ
พลตำรวจตรี ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือปอท.พร้อมด้วยพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยผลการจับกุมผู้ที่ส่งต่อข้อความทางโซเชียลมิเดีย อ้างว่าพล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทำร้ายร่างกาย นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับความเสียหาย
โดยปอท. ได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนทราบว่ามีผู้กระทำความผิด จำนวน 13 คน พฤติการณ์คือแชร์ข้อความเท่านั้น ซึ่งเมื่อวันที่ 9 กรกฏาคมที่ผ่านมา ได้ออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แต่มาพบพนักงานสอบสวน 8 คน ส่วนอีก 5 คน จะเดินทางเข้าทราบข้อกล่าวหาภายใน 1 สัปดาห์นี้
จากการสอบปากคำพบว่าทั้ง 13 คน 13 บัญชี ในจำนวน 3-4 บัญชีเป็นบัญชีอวตารหรือบัญชีปลอม ไม่มีการแสดงตัวตน ซึ่งทั้ง 8 คนให้การภาคเสธ แต่ยอมรับว่าแชร์ข่าวดังกล่าวจริง โดยไม่ทราบว่าข่าวนั้นเป็นข่าวปลอมหรือมีที่มาจากไหน ผู้ต้องหาทั้งหมดไม่รู้จักกัน มีภูมิลำเนาทั้งกทม. ปริมณฑล และต่างจังหวัด แต่มีความสนใจในเรื่องการเมืองในลักษณะเดียวกัน จึงได้มีการแชร์ข่าวส่งต่อไปยังเพื่อน ๆ และคนรู้จัก ไม่ใช่ขบวนการ
นอกจากนี้ตรวจสอบประวัติไม่พบว่าทั้ง 13 คนเคยมีประวัติการแชร์ข่าวปลอมหรือมีการร่วมขบวนการแต่อย่างใด ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบแล้วว่าใครเป็นต้นตอ อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี เบื้องต้นพบว่ามี 1 คน สำหรับการแชร์ข่าวปลอมในครั้งนี้มีเพียง 2 ประเด็น คือ แชร์เพียงสร้างผลประโยชน์สร้างยอดไลค์ยอดแชร์ให้กับตัวเอง และแชร์เพื่อสร้างความเกลียดชังและความสับสน โดยจะใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงหรือข้าราชการมากล่าวอ้าง กรณีดังกล่าวเป็นการแชร์เพื่อให้เกิดความสับสน
เมื่อถามว่าเหตุใดจึงสามารถดำเนินคดีกับคนที่แชร์ข่าวใส่ร้าย รองผบ.ตร. ได้รวดเร็ว แต่คดีจ่านิว ยังล่าช้าจับตัวคนร้ายยังไม่ได้ พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ขณะนี้คดีของจ่านิว มีความคืบหน้าเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำไปแล้ว 10 ปาก พร้อมทั้งไล่กล้องวงจรปิด ยอมรับว่าใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง คนร้ายมีความชำนาญใช้ช่วงการจราจรติดขัดในการหลบหนี ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่คดีการจับคนแชร์ข่าว บก.ปอท. มีพยานหลักฐานชัดเจน จึงสามารถดำเนินคดีได้รวดเร็วกว่า