ปิยบุตร แสงกนกกุล พรรคอนาคตใหม่ ล้มล้างการปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ

ปิยบุตร ลั่น! รัฐประหารต่างหาก ที่เป็นการล้มล้างการปกครอง

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้ออกมาแสดงความเห็น กรณีศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้อง พรรคอนาคตใหม่ล้มล้างปกครอง นายปิยบุตร กล่าวว่า ตามที่มีข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ข่าวที่ 13/2562 ลงวันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม…

Home / NEWS / ปิยบุตร ลั่น! รัฐประหารต่างหาก ที่เป็นการล้มล้างการปกครอง

ประเด็นน่าสนใจ

  • ปิยบุตรยันพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง
  • ปิยบุตรแสดงความเห็นว่า การใช้สิทธิหรือเสรีภาพสนับสนุนให้กองทัพก่อรัฐประหาร ต่างหากที่เป็นการล้มล้างการปกครอง
  • ทั้งนี้ เจ้าตัวกล่าวอีกว่า การยุบพรรคการเมืองถือเป็นเรื่องใหญ่ พรรคที่ถูกยุบได้ต้องเป็นพรรคที่มีพฤติกรรมล้มล้างหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครอง

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้ออกมาแสดงความเห็น กรณีศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้อง พรรคอนาคตใหม่ล้มล้างปกครอง

นายปิยบุตร กล่าวว่า ตามที่มีข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ข่าวที่ 13/2562 ลงวันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2562 ว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 รับคำร้องของนายณฐพร โตประยูร ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่า

พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 49 นั้น

นายปิยบุตร ระบุว่าตนมีความเห็นเบื้องต้น ดังนี้

1.ผมยังไม่เห็นคำร้องของผู้ร้อง จึงยังไม่ทราบว่าผู้ร้องอ้างข้อเท็จจริงใดร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และกรณีนี้เข้าองค์ประกอบตามมาตรา 49 หรือไม่ ขณะนี้ เรากำลังรอสำเนาคำร้องจากศาลรัฐธรรมนูญ และพร้อมชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในระยะเวลาที่กำหนด

2. ผมยืนยันว่า พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร ผม และคณะกรรมการบริหารพรรค ไม่ได้ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พวกเราก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นก็เพื่อฟื้นฟูและธำรงรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง

ตรงกันข้าม การใช้สิทธิหรือเสรีภาพสนับสนุนให้กองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองและยกเลิกรัฐธรรมนูญก็ดี การสมคบคิดกันก่อรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองและยกเลิกรัฐธรรมนูญก็ดี กรณีเหล่านี้ต่างหากที่เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

3.กรณีตามมาตรา 49 นี้ ผู้ร้องมีสิทธิร้องต่ออัยการสูงสุดเพื่อร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป หรือมีสิทธิร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรงในกรณีที่อัยการสูงสุดไม่รับดำเนินการหรือไม่ดำเนินการภายใน 15 วัน โดยที่ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจพิจารณาว่าผู้ถูกร้องได้ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่

หากศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่ามีการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้น ศาลรัฐธรรมนูญก็มีอำนาจเพียงการสั่งการให้เลิกการกระทำเท่านั้น มิใช่กรณีร้องขอให้ยุบพรรคหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคแต่อย่างใด

พูดง่ายๆ ก็คือ ในคดีนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยได้เพียงสั่งยกคำร้องหรือสั่งให้เลิกการกระทำอันเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเท่านั้น

4.อย่างไรก็ตาม เมื่อข่าวนี้ปรากฏขึ้น ผู้คนจำนวนมากต่างเข้าใจไปว่า อาจมีกรณียุบพรรคอนาคตใหม่ บ้างก็แสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวางว่า พรรคอนาคตใหม่ไม่รอดแน่ โดนยุบแน่ ทั้งๆที่ตามคำร้องแล้ว ไม่ใช่เรื่องยุบพรรคแต่อย่างใด ปรากฏการณ์เช่นนี้สะท้อนอะไร ?

ประการแรก

มีคนจำนวนมากเชื่อไปล่วงหน้าก่อนแล้วว่า การยุบพรรคอาจเกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะการยุบพรรคการเมืองที่มีแนวทางต่อต้านเผด็จการหรือผู้ครองอำนาจ หากเป็นเช่นนี้จริง ก็อาจตั้งคำถามได้ต่อไปว่า ใช่หรือไม่ว่า ผ่านมา 13 ปี สุดท้ายแล้ว มีคนจำนวนมากไม่ได้เชื่อมั่นว่าการยุบพรรคตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายแต่เพียงอย่างเดียว แต่มันมีเหตุปัจจัยทางการเมืองผสมผสานอยู่ด้วย

ประการที่สอง

ในทางสากลแล้ว การยุบพรรคการเมืองถือเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องพิเศษ เป็นเรื่องจำเพาะเจาะจงอย่างยิ่ง เพราะ พรรคที่ถูกยุบได้ต้องเป็นพรรคที่มีพฤติกรรมล้มล้างหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครอง แต่ในประเทศไทย คนจำนวนมากกลับเชื่อกันว่า การยุบพรรคเกิดขึ้นได้เสมอและบ่อยครั้ง นี่คือ ความผิดปกติที่กลายเป็นความปกติ ยิ่งคนจำนวนมากเชื่อเช่นนี้มากเท่าไร ยิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า สิ่งที่เชื่อนั้นเป็นสิ่งผิดปกติแต่มันเกิดขึ้นซ้ำๆจนกลายเป็นสิ่งปกติในการเมืองไทย