พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ยุบพรรคพลังประชารัฐ ศรีสุวรรณ จรรยา

‘ศรีสุวรรณ’ บุก กกต. ยื่นยุบพรรคพลังประชารัฐ

วันนี้ (24 ก.ค.62) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเพิ่มอีก 1 คำร้อง กรณีที่พรรคพลังประชารัฐเชิญให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งยังไม่มีสถานะเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐตามกฎหมายให้ไปเปิดการสัมมนาเมื่อวันที่ 22…

Home / NEWS / ‘ศรีสุวรรณ’ บุก กกต. ยื่นยุบพรรคพลังประชารัฐ

ประเด็นน่าสนใจ

  • ศรีสุวรรณ บุก กกต. ยื่นยุบพรรคพลังประชารัฐเพิ่มอีกข้อหา
  • จากกรณี พล.อ.ประวิตร กล่าวเปิดการสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ ชี้ยังไม่มีสถานะเป็นสมาชิกพรรค จึงมีลักษณะเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมือง

วันนี้ (24 ก.ค.62) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเพิ่มอีก 1 คำร้อง กรณีที่พรรคพลังประชารัฐเชิญให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งยังไม่มีสถานะเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐตามกฎหมายให้ไปเปิดการสัมมนาเมื่อวันที่ 22 ก.ค. ก.ค.2562 ที่ผ่านมา ณ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ต ในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

โดยพล.อ.ประวิตร ได้กล่าวเปิดการสัมมนาดังกล่าว พร้อมระบุว่า “เราเป็นครอบครัวเดียวกัน วันนี้มาในฐานะผู้สนับสนุน แต่หลังจากแถลงนโยบายแล้ว จะพิจารณาเรื่องการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ขอให้ทุกคนสามัคคีกลมเกลียวกัน อย่าได้แตกเป็นกลุ่ม เป็นก๊วนอีก” ซึ่งคำพูดดังกล่าวเป็นหลักฐานที่สำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า พล.อ.ประวิตร ยังไม่มีสถานะเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแต่อย่างใด

ดังนั้นการที่พรรคพลังประชารัฐ ได้ให้พล.อ.ประวิตรมาเป็นประธานและกล่าวเปิดการสัมมนาของพรรคพร้อมกับคำชี้แนะอื่นๆให้ ส.ส.ปฏิบัติอีกมากมาย จึงมีลักษณะเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้ พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระโดยชัดแจ้ง อันเป็นลักษณะต้องห้ามตาม ม.28 แห่งพรป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งมีความผิดตาม ม.92(3) ซึ่งเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคที่ชัดเจนยิ่ง

นอกจากนั้น เมื่อพล.อ.ประวิตร ซึ่งยังไม่มีสถานะเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐและนายทะเบียนพรรคการเมือง คือ กกต.ยังไม่รับรอง แต่กลับไปกระทําการอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระด้วยนั้น ย่อมเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืน ม.29 แห่งพรป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 ตามไปด้วย ซึ่งมีความผิดตาม ม.108 ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 1 แสนบาทถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และศาลจะสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าว

สมาคมฯจึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานไปยื่นร้องเรียนต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อดำเนินการไต่สวน และให้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้มีคำสั่งยุบพรรคพลังประชารัฐและเอาผิดพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณด้วยต่อไป