วัคซีนแอสตราเซเนกา วัคซีนโควิด เสียชีวิตจากวัคซีนโควิด

เกาหลีใต้ พบผู้เสียชีวิต 2 ราย หลังฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา

ชาวเกาหลีใต้ 2 รายที่มีโรคประจำตัว เสียชีวิตหลังจากได้รับวัคซีนโควิดของแอสตราเซเนกา

Home / NEWS / เกาหลีใต้ พบผู้เสียชีวิต 2 ราย หลังฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา

ประเด็นน่าสนใจ

  • ชาวเกาหลีใต้ 2 รายที่มีโรคประจำตัว เสียชีวิตหลังจากได้รับวัคซีนโควิดของแอสตราเซเนกา
  • ผู้เสียชีวิตรายแรก มีโรคประจำตัวหลายโรค อาทิ ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดสมอง
  • ผู้เสียชีวิตรายที่ 2 มีประวัติรักษาตัวด้วยโรคหลอดเลือดสมอง

โซล, 3 มี.ค. (ซินหัว) — วันพุธ (3 มี.ค.) สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานกรณีชาวเกาหลีใต้ 2 รายที่มีโรคประจำตัว เสียชีวิตหลังจากได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) บริษัทเวชภัณฑ์ข้ามชาติสหราชอาณาจักร-สวีเดน

ผู้ป่วยรายแรกอายุราว 50 ปี มีประวัติรักษาตัวที่โรงพยาบาลในเมืองโกยางที่ตั้งอยู่ข้างเคียงกรุงโซล และได้รับวัคซีนโดสแรกจากทั้งหมด 2 โดส ซึ่งพัฒนาโดยแอสตราเซเนกา เมื่อช่วงเช้าวันอังคาร (2 มี.ค.)

ผู้ป่วยมีภาวะหัวใจล้มเหลวและหายใจติดขัดช่วงบ่ายวันอังคาร (2 มี.ค.) และมีอาการดีขึ้นหลังได้รับการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน อย่างไรก็ดีผู้ป่วยมีอาการหัวใจวายกำเริบอีกครั้งช่วงเช้าวันพุธ (3 มี.ค.) และได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา โดยรายงานระบุว่าผู้ป่วยมีโรคประจำตัวหลายโรค อาทิ ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดสมอง

ส่วนผู้ป่วยอีกรายอายุ 63 ปี มีประวัติรักษาตัวด้วยโรคหลอดเลือดสมอง ณ โรงพยาบาลในเมืองพยองแท็กที่อยู่ห่างจากกรุงโซลไปทางใต้ราว 70 กิโลเมตร และได้รับวัคซีนช่วงบ่ายของวันที่ 27 ก.พ.

ผู้ป่วยรายข้างต้นเริ่มมีอาการไข้สูงและปวดตามเนื้อตัวในวันถัดมา ก่อนจะได้รับการรักษาและมีอาการกำเริบขึ้นอีกจนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าวันพุธ (3 มี.ค.)

ทั้งนี้ รายงานระบุว่ายังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่ากรณีการเสียชีวิตทั้งสองเชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีนหรือไม่ ขณะหน่วยงานสาธารณสุขของเกาหลีใต้ได้วางแผนดำเนินการสอบสวนทางระบาดวิทยาแล้ว

อนึ่ง เกาหลีใต้เริ่มโครงการฉีดวัคซีนขนานใหญ่ เมื่อวันที่ 26 ก.พ. โดยฉีดวัคซีนโดสแรกให้ประชาชนแล้ว 87,428 คน เมื่อนับถึงวันพุธ (3 มี.ค.) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยในสถานพยาบาลและบุคลากรการแพทย์ที่รักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19

ที่มา : Xinhua