ข่าวสดวันนี้ ปคบ

นักธุรกิจอสังหาฯ ร้อง ปคบ.ดำเนินคดีกับเจ้าของโครงการสร้างคอนโดหรู

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 ก.ค. 2562 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับผู้บริโภค หรือ ปคบ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พร้อมด้วยนายวิภาค…

Home / NEWS / นักธุรกิจอสังหาฯ ร้อง ปคบ.ดำเนินคดีกับเจ้าของโครงการสร้างคอนโดหรู

ประเด็นน่าสนใจ

  • นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร้องให้ปคบ.ดำเนินคดีกับเจ้าของโครงการสร้างคอนโดหรู
  • ผู้เสียหายซื้อห้องที่ชั้นล่างของคอนโดแห่งหนึ่ง แต่ถูกนิติบุคคลมาให้ออกจากพื้นที่
  • ทางฝั่งนิติบุคคล อ้างว่าแบบแปลนที่ห้องดังกล่าวเป็นที่พักอาศัยไม่สามารถนำไปเป็นออฟฟิศได้

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 ก.ค. 2562 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับผู้บริโภค หรือ ปคบ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พร้อมด้วยนายวิภาค ทองเทพ อายุ 41 ปี ผู้เสียหายนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร้องทุกข์กับร.ต.อ.เตชสิทธิ์ เชาวลิต รองสว.(สอบสวน) กก.บก.ปคบ. หลังจากผู้เสียหายได้ตกลงซื้อห้องที่ประกาศขายเป็นสำนักงาน ที่ชั้นล่างของคอนโดแห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าว 130 เมื่อปี 2557 และถูกนิติบุคคลมาให้ออกจากพื้นที่เมื่อปี 2559 เนื่องจากอ้างว่าแบบแปลนที่ห้องดังกล่าวเป็นที่พักอาศัยไม่สามารถนำไปเป็นออฟฟิศได้

นายวิภาค เปิดเผยว่า เมื่อต้นปี 2557 ได้ตกลงซื้อห้องดังกล่าวจากหญิงสาวรายหนึ่ง (นางสาวสุภษา สิริธนาสาร ) ในราคา 2 ล้าน 6 แสนบาท โดยทางคอนโดโฆษณาไว้ว่าห้องดังกล่าวไว้เปิดเป็นสำนักงาน หรือทำธุรกิจเชิงพาณิชย์ ไม่สามารถพักอาศัยได้ และลักษณะที่ตั้งของห้องเป็นกระจกรอบด้าน รวมทั้งเข้าออกได้ทางเดียว

ซึ่งนางสาวสุภษา ยืนยันว่าห้องนี้เป็นสำนักงานขายเก่าของคอนโด แต่เมื่อถึงเวลาโอนห้อง หญิงคนดังกล่าวอ้างว่าติดขัดเรื่องการโอน ตนจึงขอเช่าห้องและตกแต่งห้องทำธุรกิจไปก่อน จนถึงเวลาซื้อขาย ผู้ขายขอขึ้นราคาห้องเป็น 3 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องตัดสินใจซื้อ เพราะลงทุนไปแล้ว

นายวิภาค เปิดเผยต่อว่า หลังจากดำเนินธุรกิจไปได้ประมาณ 3 ปี นิติบุคคลก็ได้มีคำสั่งให้ยุติกิจการในห้องดังกล่าว และนำแบบแปลนการก่อสร้างที่อ้างว่าห้องดังกล่าวสร้างเป็นที่พักอาศัยไม่ใช่เพื่อตั้งสำนักงาน ทำให้ต้องปิดบริษัท สร้างความเสียหายไปกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งคดีนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีอยู่ในศาลแพ่ง

นายอนันตชัย เปิดเผยว่า หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย ก็ได้ไปสืบค้นเอกสารทั้งหมดจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับที่พักอาศัยนี้ พบว่าเอกสารการโฆษณาของคอนโด ประกาศขายเป็นห้องประกอบธุรกิจ และยื่นเอกสารกับกรมที่ดินว่าเป็นห้องประกอบการพาณิชย์เช่นกัน มีเพียงแบบพิมพ์เขียวที่จะต้องส่งรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ ที่ระบุห้องดังกล่าวเป็นที่พักอาศัย เนื่องจากจะได้ลดขั้นตอนรายผลกระทบสิ่งแวดล้อม

“คดีนี้พบว่ามีผู้เกี่ยวข้องร่วมกับฉ้อโกงประชาชนทั้งบุคคล และนิติบุคคล รวม 9 ราย และแจ้งความกับ ปคบ.ในข้อหา ร่วมกันแจ้งความเท็จ แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ ฉ้อโกงประชาชน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

หลังจากนี้ก็จะไปยื่นเรื่องต่อสำนักการโยธา ให้ระงับการใช้และรื้อถอนอาคาร เนื่องจากแบบแปลนที่รายงานต่อหน่วยงานรัฐคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง และให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระงับการซื้อขายหุ้นของบริษัทเจ้าของโครงการด้วย “ นายอนันตชัยกล่าวปิดท้าย