พรรคอนาคตใหม่

‘อนาคตใหม่’ เปิดโครงการ Open FWP Project

วันนี้ (30 ก.ค.62) ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วย นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายพรรคอนาคตใหม่ ร่วมแถลงข่าว เปิดตัวโครงการ Open FWP…

Home / NEWS / ‘อนาคตใหม่’ เปิดโครงการ Open FWP Project

ประเด็นน่าสนใจ

  • ”อนาคตใหม่” เปิดโครงการ “Open FWP Project” สร้างกลไกติดตาม – มีส่วนร่วม การทำงานพรรคและ ส.ส. ทั้งในและนอกสภา
  • ”ปิยบุตร” เผยเตรียมดันร่าง กม.หลายฉบับตาม 12 นโยบายพรรค – คิกออฟ รณรงค์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 4 ส.ค. ประเดิมที่ “เชียงใหม่”

วันนี้ (30 ก.ค.62) ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วย นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายพรรคอนาคตใหม่ ร่วมแถลงข่าว เปิดตัวโครงการ Open FWP Project

ซึ่งจะเป็นโครงการที่จะเปิดแผนงานของพรรคอนาคตใหม่และเครื่องมือในการติดตามผลงานของพรรคและ ส.ส.ของพรรค โดยปิยบุตร กล่าวว่า เนื่องจากพรรคอนาคตใหม่ต้องการขับเคลื่อนประเด็นต่างๆ อย่างมีส่วนร่วมและมีชีวิตชีวาจากประชาชน จึงได้มีการจัดทำโครงการนี้ขึ้นมาพร้อมแผนงานที่จะสามารถทำให้ประชาชนเข้าไปติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการด้านต่างๆของพรรค รวมถึงมีส่วนร่วมในการนำเสนอได้

นายปิยบุตร กล่าวว่า โครงการนี้มีหลักการสำคัญอันประกอบไปด้วย 1. Commitment สิ่งที่พรรคได้แถลงนโยบายตอนหาเสียงไว้ เรื่อง 12 วาระเปลี่ยนอนาคตประเทศไทยที่เราได้นำไปใช้รณรงค์หาเสียงจนได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนมา เป็นพันธกิจของพรรคที่จะต้องทำตามที่ตกลงเอาไว้ แม้จะเป็นฝ่ายค้านด้วยจำนวน ส.ส.เพียง 81 คน แต่เราจะผลักดันเรื่องเหล่านี้อย่างเต็มที่

Accountability ความรับผิดชอบต่อประชาชนที่ได้เลือกเราเข้ามา 3. Encourage เราต้องการกระตุ้นเตือนสมาชิกและ ส.ส. ของพรรค ว่าต้องทำงานต่อเนื่องตลอดเวลา 4. Transparency ทำให้เปิดเผย ให้พี่น้องประชาชนเข้ามาดูติดตามการทำงานของพรรคได้ในทุกขั้นตอน และ 5. Participation การมีส่วนร่วมของประชาชน สามารถดูได้ว่าการทำงานของพรรคและ ส.ส.ของพรรคเป็นอย่างไรบ้าง

“เราต้องการให้พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคการเมืองที่มีชีวิตชีวา มีความใกล้ชิดกับประชาชน สามารถคิดตามตรวจสอบการทำงานได้ทุกฝีก้าว กระตือรือร้นในการทำงาน และมีความรับผิดชอบกับประชาชน” ปิยบุตร กล่าว

ทางด้าน น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า โครงการนี้มีเครื่องมือคือ 1. ให้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมและติดตามการทำงานของ ส.ส.พรรคได้ง่ายขึ้น โดยจะมีข้อมูลสรุป การเข้าประชุม การลา การอภิปราย รวมถึงมีกลไกให้สามารถติดตามความคืบหน้าของญัตติ กระทู้ และการหารือต่างๆว่าถึงขั้นไหนแล้วบ้าง ซึ่งขณะนี้พรรคได้ยื่นญัตติด่วนเข้าไปไม่ต่ำกว่า 6 ญัตติ

และญัตติปกติคือที่มาของ ส.ว. อีกหนึ่งญัตติ ต่อไปนี้ สามารถติดตามความคืบหน้าของขั้นตอนในแต่ละญัตติและข้อหารือได้อย่างใกล้ชิด ว่ามีการดำเนินการถึงขั้นไหนแล้วบ้าง และมีการแก้ไขปัญหาไปแล้วหรือไม่

รวมถึงการทำงานของ ส.ส. แยกเป็นรายบุคคล ว่ากำลังทำงานอะไรอยู่ในคณะกรรมาธิการชุดใดบ้าง มีความเชี่ยวชาญในประเด็นใด กำลังทำงานในประเด็นใด ยื่นเสนอปรึกษาหารือในเรื่องใดบ้าง มีการตั้งกระทู้ถามสดเรื่องใดบ้าง มีการแสดงสัดส่วนในการเข้าประชุมสภา โหวตรับหรือไม่รับเรื่องใดบ้าง เป็นต้น

“เครื่องมือที่ 2. งานนอกสภาของ ส.ส. จะมีเว็ปไซต์ใหม่ของพรรคคือ futurecommunity.co ให้ประชาชนสามารถส่งเรื่องร้องเรียนต่างๆเข้าไปถึงพรรค เรียกร้องให้มีการผลักดันหรือแก้ไขประเด็นต่างๆ ที่ผ่านมากรณีร้องเรียนต่างๆ ไม่สามารถติดตามข้อมูลได้ว่าถึงไหนแล้ว แต่กลไกนี้จะสามารถช่วยให้ประชาชนสามารถติดตามเรื่องร้องเรียนต่างๆได้

โดยจะมีเลข tracking ของเรื่องร้องเรียนต่างๆให้ติดตามได้ทุกขั้นตอน และมีการแสดงข้อมูลให้ดูว่า ส.ส.คนไหนสามารถติดตามแก้ไขได้อย่างรวดเร็วหรือมีประสิทธิภาพที่สุด และอาจยกระดับไปสู่การแก้กฎหมายหรือการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้

และ เครื่องมือที่ 3.การติดตามความคืบหน้าในการดำเนิน 12 นโยบาย ในฐานะฝ่ายค้านของพรรคอนาคตใหม่ ที่มีที่นั่ง 81 เสียง แน่นอนว่าบางเรื่องเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร ไม่สามารถดำเนินการได้ แต่ในฐานะของฝ่ายค้าน หลายเรื่องยังสามารถผลักดันภายใต้ข้อจำกัดนี้ได้” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวถึงแผนงานและร่างกฎหมายที่พรรคอนาคตใหม่จะทำการผลักดันตามนโยบาย 12 ข้อ โดยยกตัวอย่างในเรื่องของการปักธงประชาธิปไตย ว่า พรรคอนาคตใหม่เตรียมเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งในส่วนนี้ยังต้องการเสียงของ ส.ส.สนับสนุนให้ถึง 100 คน ซึ่งจะได้มีการหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านต่อไป

แต่ในส่วนที่พรรคอนาคตใหม่เสนอได้เลยนั้น คือ ร่างกฎหมายที่อาศัยเสียง ส.ส.เพียง 20 คนก็เสนอได้ จะมีการเสนอร่างดังต่อไปนี้ เช่น ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกประกาศคำสั่งและหัวหน้า คสช., ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพิ่มเติม มาตรา 113/1 เข้าไป จากเดิมที่ผู้ฟ้องร้องข้อหากบฎได้ต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ทำให้ที่ผ่านมาศาลไม่ยอมรับพิจารณาคำร้องที่ประชาชนเป็นผู้ฟ้อง

เราจะเสนอเปลี่ยนให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดเป็นผู้เสียหาย ให้เป็นคดีพิเศษ และให้ศาลพิจารณาให้เสร็จภายใน 24 ชั่วโมง ด้านต่อมา คือ การคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น พรรคจะมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกโทษอาญาเรื่องหมิ่นประมาท เปลี่ยนให้เป็นคดีแพ่งแทน เนื่องจากที่ผ่านมาหลายครั้ง ข้อหาหมิ่นประมาทในทางอาญาได้ถูกนำไปใช้ในการปิดปากผู้ต้องการแสดงความติดเห็น หลายครั้งนำไปสู่การจำคุก ซึ่งเราเห็นว่าข้อหาหมิ่นประมาทควรเป็นคดีความทางแพ่งมากกว่าจะเป็นโทษทางอาญา

นอกจากนี้ ยังมี ร่าง พ.ร.บ.แก้ไข พ.ร.บ.การกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ โดยยกเลิกมาตรา 14, 15, และ20 ที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งหลายกรณีมีการโยงต่อเนื่องไปเป็นคดีความมั่นคง ทั้งๆที่โดยเจตนารมณ์ของกฎหมายต้องการให้ใช้จัดการกับการสร้างความเสียหายในระบบคอมพิวเตอร์ เช่น เรื่องของแฮกกอร์ ไม่ใช่เรื่องการแสดงความคิดเห็น ต่อมาคือเรื่องของร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมกฎอัยการศึก ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2457

ซึ่งเราจะเสนอแก้ไขไม่อนุญาตให้ทหารประกาศกฎอัยการศึกกันเองได้แบบที่ผ่านมา ต่อมาคือร่าง พ.ร.บ.แก้ไข พรก. การบริหารแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องเพิ่มกลไกการตรวจสอบเข้าไปมากขึ้น และจำกัดอำนาจของผู้ใช้ให้ได้รับการตรวจสอบ โดยจะเสนอให้สภามาตรวจสอบว่าสถานการณ์ที่มีการประกาศใช้ยังฉุกเฉินจริงหรือไม่ รวมทังการให้อำนาจศาลเข้ามาตรวจสอบการกระทำของเจ้าหน้าที่ๆใช้อำนาจตาม พรก.ด้วย

“ส่วนนโยบายด้านการปฏิรูปกองทัพนั้น จากเงื่อนไขที่มีอยู่ตอนนี้ เรื่องที่สามารถผลักดันได้เลย คือ เรื่องการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร จะมีการไปรณรงค์กับนักเรียน นักศึกษา และพ่อแม่ผู้ปกครอง รวมถึงคนที่อยากเป็นทหารจริงๆ เพื่อชี้ให้เห็นว่าการยกเลิกการเกณฑ์ทหารจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย

โดยเฉพาะกับกองทัพเอง ที่จะทำให้มีงบประมาณมากขึ้นในการนำไปปรับปรุงประสิทธิภาพและสวัสดิภาพของทหารชั้นผู้น้อยที่สมัครใจ ส่วนในเรื่องของกฎหมาย จะมีการผลักดันร่างพระราชบัญญัติแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรับราชการทหาร กำลังพลสำรอง วินัยทหาร เพื่อทำให้กองทัพทันสมัยขึ้น สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยมากขึ้น” นายปิยบุตร กล่าว

ที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่ได้เสนอญัตติต่างๆเข้าไป ซึ่งคาดว่าภายในอีก 1-2 สัปดาห์จะได้มีการหยิบยกมาอภิปราย เช่น ญัตติให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาประกาศคำสั่ง คสช., คณะกรรมาธิการศึกษาปัญหาแนวทางการป้องกันรัฐประหาร เป็นต้น ขณะที่งานนอกสภา พรรคอนาคตใหม่จะริเริ่มโครงการสภาร่างรัฐธรรมนูญประชาชนขึ้นมา

โดยจะมีการเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อรับฟังความคิดเห็น เพื่อหาฉันทามติในการแก้ไขและร่างรัฐธรามนูญฉบับใหม่ โดยโครงการนี้จะเริ่มคิกออฟ 4 สิงหาคม ณ พุทธสถานเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่บ่ายโมงเป็นต้นไป

ตนจะเป็นผู้ดำเนินรายการเสวนา เรื่อง “จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่: ประเทศไทยแบบไหนที่เราอยากอยู่ร่วมกัน” โดยมีคุณกษิต ภิรมย์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) คุณสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง คุณโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล และคุณสุรีรัตน์ ตรีมรรคา ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือ ร่วมงาน และจากนั้นจะมีการบรรยายของคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในหัวข้อ การแสวงหาฉันทามติครั้งใหม่ของสังคมการเมืองไทย

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวถึงแผนงานด้านนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งจะประกอบไปด้วย นโยบายการทลายทุนผูกขาด จะมีรณรงค์เพื่อการการเปิดเสรีสุราท้องถิ่นในชุมชนต่างๆ ส่วนในสภา เมื่อมีโอกาส สมาชิกในคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องจะเรียกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาสอบถาม รวมถึงจะมีการตั้งกระทู้ถามถึงกฎกระทรวงต่างๆ ที่เอื้อต่อการผูกขาด เพราะส่วนใหญ่แล้วกฎระเบียบที่เอื้อต่อการผูกขาดอยู่ในลักษณะของกฎกระทรวง

ซึ่งสภาไม่สามารถเข้าไปแก้ไขได้ นอกจากนี้ การกำหนดโควต้าในการนำเข้าต้องมีการทบทวนใหม่ รวมทั้งต้องมีการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า ให้มีการแก้นิยามสัดส่วนมูลค่าการตลาด รวมถึงแก้ไขร่าง พ.ร.บ.สรรพสามิตรฉบับใหม่ ในประเด็นที่เอื้อต่อการผูกขาดตลาดสุรา ส่วนเรื่องการแก้ไขเรื่องการผูกขาดในภาคเกษตร ยังคงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอีก

“กลไกทั้งหมดนี้ พรรคอนาคตใหม่พร้อมให้มีการประเมินหรือเสนอแนะเพิ่มเติมได้เสมอ โดยยินดีรับข้อเสนอจากทุกคน ทั้งนี้ ยอมรับว่าที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่ยังมีข้อจำกัดในการทำงานในสภามาก ปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น พ.ร.บ.งบประมาณ กฎกระทรวงต่างๆที่ต้องแก้ไขเพื่อให้เกิดการผลักดันนโยบาย เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร ในฐานะฝ่ายค้านที่มี ส.ส.81

คนอาจจะไม่สามารถทำหลายๆอย่างได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะนั่งเฉยๆโดยไม่ทำอะไร แต่เราจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งต่อไปนี้ประชาชนจะสามารถมีส่วนร่วมเสนอแนะและติดตามผลการทำงานของพรรคได้ตลอดเวลา”