สุนัขนำทาง

กทม.ไฟเขียว สุนัขนำทางเข้าสวนสาธารณะ

น.ส.คีริน เตชะวงศ์ธรรม หรือ น้องทราย ผู้พิการทางสายตา นำลูเต้อร์ สุนัขนำทาง พันธุ์ลาบราดอร์เพศผู้อายุ 3 ขวบครึ่ง เข้าพบพลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อหารือเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกให้ผู้พิการเข้าถึงสถานที่ราชการและหน่วยงานต่างๆ…

Home / NEWS / กทม.ไฟเขียว สุนัขนำทางเข้าสวนสาธารณะ

น.ส.คีริน เตชะวงศ์ธรรม หรือ น้องทราย ผู้พิการทางสายตา นำลูเต้อร์ สุนัขนำทาง พันธุ์ลาบราดอร์เพศผู้อายุ 3 ขวบครึ่ง เข้าพบพลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อหารือเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกให้ผู้พิการเข้าถึงสถานที่ราชการและหน่วยงานต่างๆ หลังพบว่าพนักงานในแต่ละหน่วยงานยังไม่เข้าใจถึงความจำเป็นในการใช้สุนัขนำทางบริการผู้พิการและคิดว่าเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงทั่วไป

น้องทราย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รัฐยังไม่เข้าใจถึงการทำงานของสุนัขนำทางและไม่อนุญาตให้นำเข้าไปในสถานที่ราชการ แม้ว่าปัจจุบันมีกฎหมายกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า สุนัขนำทางสามารถนำทางผู้พิการเข้าไปในสถานที่สาธารณะและหน่วยงานราชการได้ 

โดยสถานที่ต่างๆ อาจกลัวว่าสุนัขจะรบกวนหรือขับถ่าย แต่สุนัขนำทางต้องได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ซึ่งจะไม่ขับถ่ายเรี่ยราด ไม่ทำข้าวของเสียหาย จึงอยากให้หน่วยงานราชการเข้าใจและเปิดใจยอมรับสุนัขนำทาง

ส่วนการใช้ถนน บาทวิถี ของผู้พิการในประเทศไทยยังเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะมีสิ่งกีดขวางทั้งทางเดิน และเหนือศีรษะ ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้การเดินทางของผู้พิการเป็นไปด้วยความยากลำบาก

สำหรับสุนัขนำทางอย่างลูเต้อร์ ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของการทำตามคำสั่งและสามารถช่วยคนพิการหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้ โดยได้รับการฝึกจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ลูเต้อร์ยังได้รับการดูแลเกี่ยวกับความสะอาดและการฝึกการขับถ่ายด้วย

พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในการประชุมหัวหน้าหน่วยงานกทม.วันนี้ กทม.ได้เชิญน้องทราย พร้อมสุนัขนำทาง”ลูเต้อร์” และคุณพ่อคุณแม่น้องทราย มาให้ข้อมูลและแนะนำเกี่ยวกับการเข้าถึงบริการต่างๆ สำหรับผู้พิการทางสายตาที่ใช้สุนัขนำทาง

ซึ่งจริงๆ แล้วในเรื่องการให้บริการและจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการทางสายตา รวมถึงผู้พิการทางสายตาที่มีสุนัขนำทางนั้น มีกฎหมายรองรับอยู่แล้วครับ เพียงแต่ในประเทศไทย ไม่มีโรงเรียนฝึกสอนสุนัขนำทาง และกรณีน้องทรายกับสุนัขนำทางน่าจะเป็นคนเดียวเราจึงจะไม่ทราบข้อปฏิบัติหรือหลักเกณฑ์ที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นผมได้สั่งการให้สำนักสิ่งแวดล้อมกทม. ซึ่งมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบสวนสาธารณะในกรุงเทพฯ ไปทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ประจำสวนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในการให้บริการสวนสาธารณะสำหรับผู้พิการทางสายตาที่ใช้สุนัขนำทาง และให้ติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนเข้าใจถึงข้อจำกัดในการใช้สวนสาธารณะสำหรับสุนัขนำทางและสุนัขเลี้ยงด้วยครับ

ส่วนการเข้าถึงบริการในสถานที่ต่างๆ เช่น โรงพยาบาล และสถานพยาบาลต่างๆ เนื่องจากสภาพแวดล้อมของต่างประเทศและประเทศไทยอาจมีความแตกต่างกัน ที่ประชุมจึงเสนอทางเลือกในการเข้าสถานพยาบาลที่มีความเหมาะสม โดยเมื่อมาถึงสถานพยาบาล จะจัดให้มีสถานที่พักคอยสำหรับสุนัขนำทาง เพื่อที่จะไม่รบกวนผู้ป่วยท่านอื่น และประชาชนไม่เข้าไปรบกวนสมาธิในการทำงานของสุนัขนำทางด้วย

จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมารับช่วงต่อเพื่ออำนวยความสะดวกผู้พิการทางสายตาไปยังจุดบริการต่างๆ ซึ่งคุณทรายและครอบครัวเห็นด้วยกับทางเลือกดังกล่าวครับ และจะพิจารณารายละเอียดและกำหนดหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมในสถานที่ราชการของกทม.ต่อไป

สำหรับอุปสรรคสำคัญอีกอย่างในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้พิการทางสายตา ไม่ว่าจะมีสุนัขนำทางหรือไม่ก็ตาม คือ ปัญหาการข้ามถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหารถไม่จอดเมื่อสัญญาณไฟหยุดรถแจ้งเตือน และการขับขี่รถบนทางเท้า ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่แก้ยากเหลือเกินครับ ถึงจะมีกฎหมายเอาผิดก็ตาม

ส่วนที่ขอให้มีการติดตั้งสัญญาณไฟแบบมีเสียงเพิ่มเติม อันนี้กทม.ดำเนินการอยู่แล้วครับ และกำลังทยอยติดตั้งอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ มากที่สุด รวมถึงจะปรับปรุงทางลาดทางเท้าให้เรียบเสมอผิวถนนเพื่อไม่ให้ผู้พิการสะดุดล้มด้วย

ข้อเสนอแนะหลายๆ อย่างในวันนี้ ผมต้องขอขอบคุณน้องทรายและครอบครัวอย่างมาก เพราะในอนาคตกทม.อาจจะมีผู้พิการทางสายตาที่ใช้สุนัขนำทางทั้งชาวไทยและต่างชาติมากขึ้น เพื่อที่จะได้มีการปรับปรุงการเข้าถึงบริการต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นแนวทางในการฝึกสุนัขนำทางในกรุงเทพมหานครมากขึ้น เพื่อเป็นเสมือนสิ่งอำนวยความสะดวกทางเลือกในการนำผู้พิการทางสายตาไปตามที่ต่างๆ อีกด้วย