ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พรรคอนาคตใหม่ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แถลงข่าวแสดงวิสัยทัศน์ นอกห้องประชุมสภาฯ

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แสดงวิสัยทัศน์แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นอกห้องประชุมสภา จากกรณีพรรคอนาคตใหม่ได้เสนอญัตติให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แสดงวิสัยทัศน์นั้น ล่าสุดวันที่ 5 มิ.ย.…

Home / NEWS / ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แถลงข่าวแสดงวิสัยทัศน์ นอกห้องประชุมสภาฯ

ประเด็นน่าสนใจ

  • พรรคอนาคตใหม่ถอนมติให้แคนดิเดตนายกฯแสดงวิสัยทัศน์ โดยเปลี่ยนเป็นการให้ ธนาธร แถลงข่าวแสดงวิสัยทัศน์แทน
  • ธนาธร แสดงวิสัยทัศน์ พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี ที่จะพาประเทศไทยไปข้างหน้า

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แสดงวิสัยทัศน์แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นอกห้องประชุมสภา

จากกรณีพรรคอนาคตใหม่ได้เสนอญัตติให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แสดงวิสัยทัศน์นั้น

ล่าสุดวันที่ 5 มิ.ย. 2562 เมื่อเวลา 13.00 น. น.ส.พรรณิการ์ วาณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีสมควรที่จะได้เข้ามาแสดงวิสัยทัศน์ในรัฐสภาแห่งนี้ เพื่อให้สมาชิกรัฐสภา 750 คน และประชาชนชาวไทยทั้งประเทศอีกเกือบ 70 ล้านคน ได้เห็นความสามารถ

และการแสดงวิสัยทัศน์ของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้งสองคน เชื่อว่าประชาชนรอติดตามชมการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เพราะทุกคนต่างรอนายกที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนกว่า 5 ปีแล้ว อย่างไรก็ตามมีการถอนญัตติดังกล่าวออกไป ทำให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้งสองคนไม่ต้องแสดงวิสัยทัศน์ต่อสภา

โดยทางโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า ทางพรรคขอถอนมติให้แคนดิเดตนายกฯแสดงวิสัยทัศน์เพราะ เห็นว่าการลงมติต้องเสียเวลาขานชื่อถึง 2-3 ชั่วโมง โดยนายธนาธรได้เปลี่ยนเป็นการแถลงข่าวแสดงวิสัยทัศน์ ณ จุดแถลงข่าวที่รัฐสภาแทน

ธนาธร แสดงวิสัยทัศน์ 3 ประการ พร้อมนำประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า หากได้เป็นนายกฯ

1. พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี แห่งความเป็นจริง

2. พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี แห่งความเปลี่ยนแปลง

3. พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี ที่จะพาประเทศไทยไปข้างหน้า

ผมพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความจริง ผมพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความเปลี่ยนแปลง และผมพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่จะพาประเทศไทยไปข้างหน้า

ขอยืนยันที่นี่อีกครั้งในหลักการที่หนักแน่นว่า เราทำงานภายใต้หลักการประชาธิปไตย เราจะเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สังคมไทยไปถึงความฝันของเรา ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์อันทรงเป็นประมุขในระบอบประชาธิปไตย อย่างมั่นคงสถาพรเพียงไหน แม้จะนานแค่ไหนเราจะยืนยันในเส้นทางนี้ ผมพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความจริง ผมพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความเปลี่ยนแปลง และผมพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่จะพาประเทศไทยไปข้างหน้า

วิสัยทัศน์ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี มีเนื้อหาดังนี้

ทุกท่านครับ หากท่านอยากให้ประเทศไทยเป็นประเทศของคนเพียงกลุ่มหนึ่ง ที่มีสิทธิชี้ชะตาคนอื่นๆ ที่เหลือตามความต้องการของตนเอง โดยไม่ต้องยึดถือหลักการและความชอบธรรมใดๆ ท่านคงไม่จำเป็นต้องรับฟังสิ่งอื่นใดต่อจากนี้ แต่หากท่านอยากให้ประเทศไทยเป็นของคนไทยทุกคน เป็นสังคมที่เราสามารถยืดอกได้อย่างภาคภูมิใจ ว่าเราอยู่ในสังคมที่เคารพสิทธิและเสียงของประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน เป็นบ้านเมืองที่มีขือมีแป เต็มไปด้วยโอกาสและความสร้างสรรค์ นั่นแปลว่า เรามีความใฝ่ฝันเดียวกันครับ

ผมขอเวลาท่านเพียงไม่นาน เพื่อนำเสนอวิสัยทัศน์ในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อเพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงให้ท่านเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า ผู้นำแบบไหนที่ท่านจะได้เห็น และประเทศไทยแบบไหนที่ผมอยากชักชวนทุกท่านมาร่วมสร้าง ร่วมเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน ผม ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของประชาชนไทย ผมจะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความเป็นจริง จะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความเปลี่ยนแปลง และจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่พาประเทศไทยไปข้างหน้า

ประการแรก ผมจะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความเป็นจริง ประเทศไทยของเรามีพัฒนาการทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่ดีกว่าอีกหลายประเทศ ได้รับการยกย่องจากนานาชาติหลายต่อหลายด้าน แต่เราก็ต้องยอมรับความจริงด้วยเช่นกัน ว่าเรายังมี ปัญหารากฐานและปัญหาเฉพาะตัว อีกจำนวนมากที่ไม่ได้รับการแก้ไข ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ผมมีโอกาสเดินทางไปทั่วประเทศไทย พบปะผู้คนในเมือง ชาวบ้านริมทะเล ผู้คนในสลัม พบเจอคนตัวเล็กๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจยิ่งใหญ่ และผู้คนส่วนใหญ่ที่มีชีวิตทุกข์ยากลำเค็ญ ดำรงชีวิตอยู่เพียงวันต่อวัน

– จีดีพีไม่สะท้อนความเป็นอยู่ของผู้คนอีกต่อไป
– งบประมาณแผ่นดินจำนวนมากถูกใช้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
– คนจำนวนไม่น้อยไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐ จากผู้มีอำนาจ
– ช่องว่างระหว่างคนไทยด้วยกัน ทั้งที่มองเห็นวัดได้เป็นตัวเงิน หรือวัดไม่ได้อย่างโอกาสในการเรียนต่อ โอกาสในการได้งานดีๆ โดยไม่ต้องมีเส้นสาย มีแต่จะขยายตัวห่างกันออกไป

เพื่อจะแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด เราจำเป็นต้องมองประเทศไทยที่เรารัก ด้วยสายตาแห่งความเป็นจริงเสียก่อนครับ เราต้องยอมรับว่าปัญหาเหล่านี้ทวีความรุนแรงมากขึ้น และยอมรับว่าวิธีการแก้ปัญหาแบบที่ผ่านมานั้นล้มเหลวในหลายด้าน เราจำเป็นต้องเข้าใจความซับซ้อนของปัญหา ในขณะเดียวกันก็ต้อง “อ่าน” สถานการณ์และเงื่อนไขของยุคโลกาภิวัตน์ให้ออก ตามเกมโลกให้ทัน เราต้องเข้าใจว่าในโลกแห่งความเป็นจริง เศรษฐกิจ การเมือง และสังคม นั้นเกี่ยวพันกันแนบแน่น

– เราจะแก้ปัญหาทุนผูกขาดที่เอาเปรียบผู้บริโภคและธุรกิจขนาดเล็กได้อย่างไร หากไม่แก้ระบบอุปถัมภ์เส้นสาย
– เราจะพัฒนาการศึกษาไทยให้ทันโลกได้อย่างไร หากไม่แก้ไขวัฒนธรรมอำนาจนิยมที่ปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์
– เราจะใช้เงินภาษีและงบประมาณที่มีอยู่เพื่อประโยชน์ของคนธรรมดาๆ ได้อย่างไร หากอำนาจตัดสินใจทุกอย่างยังอยู่ที่ส่วนกลาง อยู่กับคนและหน่วยงานที่ไม่เคยรับรู้ความยากลำบากรายวันของคนในพื้นที่

นอกจากต้องเข้าใจความซับซ้อนของปัญหาแล้ว เรายังต้อง “อ่าน” สถานการณ์และเงื่อนไขของยุคโลกาภิวัตน์ให้ออกด้วยครับ โลกยุคปัจจุบันเต็มไปด้วยการแข่งขันที่เข้มข้น สงครามการค้าระหว่างมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ พลวัตรการเปลี่ยนแปลงในประชาคมยุโรป

สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวท่านอีกต่อไปแล้ว หากการส่งออกและการท่องเที่ยวถดถอย ธุรกิจไทยก็ได้รับผลกระทบโดยตรง ไม่ว่าคุณจะเป็นลูกจ้าง เจ้าของธุรกิจ หรือแม้แต่เกษียณอายุแล้วแต่พึ่งพารายได้จากธนาคารและตลาดทุน ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่กรุงเทพฯ สงขลา อุดรธานี หรือพิษณุโลก เศรษฐกิจโลกส่งผลมาถึงชีวิตคุณอย่างไม่ต้องสงสัย

ผู้นำที่เหมาะสมกับยุคสมัยจำเป็นต้องรู้เท่าทัน เข้าใจสังคมไทย เข้าใจสังคมโลก รู้ทันเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนอยู่ทุกวินาที เพื่อที่จะวางตำแหน่งแห่งที่และบทบาทของประเทศไทยให้เหมาะสม รักษาผลประโยชน์ของประเทศ จัดการกับกระแสโลกาภิวัตน์ให้เกิดประโยชน์กับคนไทยมากที่สุด

เราต้องอยู่กับปัจจุบันขณะ แต่ปัจจุบันขณะในทุกวันนี้เต็มไปด้วยความเป็นจริงอันซับซ้อน ประเทศไทยต้องการผู้นำที่เข้าใจและจัดการกับความเป็นจริงของโลกปัจจุบันได้อย่างเท่าทัน ผมจะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความเป็นจริง ชื่นชมและยกย่องสิ่งดีๆ ของประเทศไทย ทำสิ่งเหล่านั้นให้เลื่องลือ เป็นที่ยอมรับของนานาชาติยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็พร้อมประเมินและคลี่คลายปัญหาที่มีอยู่ตามความเป็นจริงของสังคมไทย และตามให้ทันเงื่อนไขเศรษฐกิจการเมืองโลก