หนุ่มเมืองตรังทิ้งมีดกรีดยาง ลงทะเลหาสัตว์น้ำมาขายสร้างรายได้ดีกว่าอาชีพกรีดยางพาราถึง 3 เท่าตัว
วันที่ 13 มิ.ย. 60 ผู้สื่อข่าว จ.ตรัง รายงานว่า นายสุรชัย เจ๊ะสา อายุ 46 ปี เกษตรกรชาวสวนยางพาราหมู่ที่ 2 ต.ท่าข้าม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง สู้ทนกับภาวะฝนตกต่อเนื่องและปัญหาราคายางพาราตกต่ำไม่ไหว จึงผันตัวเองมาเป็นชาวประมงโดยชักชวนญาติพี่น้องที่มีเรือประมงพื้นบ้าน ออกไปจับสัตว์น้ำทั้งกุ้งหอยปูปลา เพื่อมาขายให้กับนักท่องเที่ยวบริเวณท่าเทียบเรือแหลมหยงสตาร์ สร้างรายได้ดีกว่าอาชีพกรีดยางพาราถึง 3 เท่าตัว
นอกจากนี้ยังลงทุนเป็นผู้รับซื้อสัตว์น้ำจากชาวประมงพื้นบ้านรายอื่นด้วยราคาที่เป็นธรรม เพื่อช่วยป้องกันการกดราคาของพ่อค้านอกพื้นที่อีกทางหนึ่งด้วย ทำให้แต่ละวันมีสัตว์น้ำมาขายให้กับเกษตรกรไม่ต่ำกว่า 150-200 กิโลกรัม ซึ่งส่วนที่เหลือจากการขายให้กับนักท่องเที่ยวแล้ว ได้นำไปวางขายในตลาดห้องเย็นควนปริง อ.เมือง จ.ตรัง ทุกวันตั้งแต่เวลา 15.00 น.-19.00 น. เน้นความสด ปลอดภัย ตัวใหญ่และราคาถูก ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้เที่ยวชมความสวยงามของทะเลที่แหลมหยงสตาร์แล้ว ยังได้แวะเลือกซื้ออาหารทะเลสดๆ จากชาวประมงโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางอีกด้วย
โดยในเวลาประมาณ 03.00 น จะเป็นเวลาที่ชาวประมงพื้นบ้านออกเรือเพื่อไปดักจับสัตว์น้ำและกลับเข้าฝั่งในเวลาประมาณ 09.00 น. โดยเฉพาะฤดูมรสุมอย่างช่วงนี้จะมีปูม้า ปลาทูและกุ้งทะเลมากกว่าช่วงอื่นๆ ราคาขายปลาทูอยู่ที่กิโลกรัมละ 60-100 บาท ส่วนกุ้งทะเลกิโลกรัมละ 320 บาทและปูม้ากิโลกรัมละ 250 บาท สร้างรายได้กว่า 3,000 บาทต่อวัน
ซึ่งนายสุรชัย เจ๊ะสากล่าวว่า ช่วงนี้ไม่ค่อยได้กรีดยางพาราจึงหันหน้าลงทะเลเพื่อจับปลามาขายให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละลำจะได้สัตว์น้ำประมาณ 70-100 กิโลกรัมโดยออกไปตั้งแต่เวลาประมาณ 03.00 น.และกลับเข้าฝั่งเวลา 08.00 น. โดยเปิดจุดรับซื้อสัตว์น้ำจากชาวประมงพื้นบ้านรายอื่นด้วยเพื่อช่วยในเรื่องราคาไม่ให้ตกต่ำเกินไป ซึ่งมีนักท่องเที่ยวแวะอุดหนุนจำนวนมาก