ข่าวสดวันนี้ ปรีชาพล พงษ์พานิช พรรไทยรักษาชาติ

ปรีชาพล ลงพื้นที่นครปฐม ชวนคนเลือกพรรคไทยรักษาชาติ โค่นเผด็จการ

“ปรีชาพล” ชวนคนนครปฐมเลือกพรรคไทยรักษาชาติเป็นรัฐบาลไล่เผด็จการ แก้เศรษฐกิจตกต่ำ ด้าน “ณัฐวุฒิ” แจงโปรแกรมหาเสียงทั่วประเทศ ย้ำ ความพร้อม รอ กกต.ทำหน้าท่ีในฐานะองค์กรอิสระท่ีเป็นธรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 ม.ค. 2562)…

Home / NEWS / ปรีชาพล ลงพื้นที่นครปฐม ชวนคนเลือกพรรคไทยรักษาชาติ โค่นเผด็จการ

“ปรีชาพล” ชวนคนนครปฐมเลือกพรรคไทยรักษาชาติเป็นรัฐบาลไล่เผด็จการ แก้เศรษฐกิจตกต่ำ ด้าน “ณัฐวุฒิ” แจงโปรแกรมหาเสียงทั่วประเทศ ย้ำ ความพร้อม รอ กกต.ทำหน้าท่ีในฐานะองค์กรอิสระท่ีเป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 ม.ค. 2562) ร้อยโท ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงและกรรมการบริหารพร้อมแกนนำพรรค ได้เดินทางไปยัง จ.นครปฐม

เพื่อลงพื้นที่เยี่ยมชมโรงงาน ธุรกิจ SME น้ำลูกยอ ในเขตเทศบาลตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล ต่อยอดนโยบาย SME ผลักดันสินค้าเกษตรแปรรูป เชื่อมไทย เชื่อมโลก  โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดนครปฐม ทั้ง 5 เขตพร้อมผู้สนับสนุนพรรคให้การต้อนรับ

โดย ร้อยโท ปรีชาพล  ได้กล่าวช่วงหนึ่งระหว่างพบพี่น้องประชาชนว่า  ตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา พรรคการเมืองถูกปิดกันไม่ให้สื่อสารกับประชาชน ซึ่งวันนี้คนไทยเจอปัญหาหลากหลายในแต่ละพื้นที่ แต่ที่เหมือนกันทั่วประเทศคือปัญหาเศรษฐกิจและราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ สวนทางกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น

โดยยืนยันว่า ปัญหาที่เผชิญอยู่สามารถแก้ไขได้ หากมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งที่ใส่ใจประชาชน ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างชาติด้วย และแม้ว่าการเลือกตั้งจะถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ แต่อยากให้ประชาชนเตรียมพร้อมในการใช้สิทธิ์ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้มีเพียง 2 ทางเลือกคือ จะเลือกฝ่ายประชาธิปไตยเข้ามาแก้ปัญหาประเทศ หรือจะเลือกพรรคการเมืองที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช.

ขณะที่นายณัฐวุฒิ ได้เปิดเผยถึงแนงทางการหาเสียงของพรรคว่า พรรคไทยรักษาชาติจะลงพื้นที่ต่อเนื่องทุกภาคของประเทศหลังจากนี้ เเละเชื่อว่าประชาชน รวมถึงคนปักษ์ใต้เข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างดี โดยแนวทางของพรรคไทยรักษาชาติพร้อมจะเผชิญหน้ากับเผด็จการทุกรูปแบบ และก็พร้อมที่จะทำงานกับประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย

พร้อมกันนี้ ตนขอเรียกร้องให้ กกต.ปฏิบัติหน้าที่ให้โปร่งใส ตรงไปตรงมา ด้วยความเป็นธรรมและมีความเป็นอิสระ โดยเฉพาะการตรวจสอบนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่เดินทางไปพบอดีตนายกรัฐมนตรีที่ต่างประเทศ ว่าเข้าข่ายการถูกครอบงำหรือไม่

ซึ่งปกติควรปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกันกับทุกพรรคการเมือง โดยเทียบเคียงกับพรรคพลังประชารัฐ ที่ประกาศตลอดมาว่า นโยบายและผลงานของรัฐบาลก็คือนโยบายพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงการสนับสนุนผู้มีอำนาจอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งลักษณะเช่นนี้เป็นยิ่งกว่าการครอบงำ เพราะคือการครอบครองโดยคนใหญ่คนโตในรัฐบาลหรือไม่ ดังนั้น กกต.ต้องเตือนตัวเองให้มากและตระหนักว่าประชาชนรู้เท่าทันและต้องการความชัดเจนการปฏิบัติจาก กกต.ด้วย