ปลอมบัตร ปลอมบัตรประชาชน

หนุ่มใหญ่แทบช็อค ได้รับข่าวว่าตัวเองเสียชีวิต อยู่ที่โรงพยาบาลสงขลา

หนุ่มใหญ่วัย 41 ปี ได้รับข่าวว่าตัวเองเสียชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลสงขลา ไปตรวจสอบพบเป็นคนละคนกันแต่ถูกสวมบัตร หนุ่มใหญ่วัย 41 ปี แทบช๊อคได้รับข่าวว่าตัวเองเสียชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลสงขลา ไปตรวจสอบพบเป็นคนละคนกันแต่ถูกสวมบัตรประชาชน ทั้งชื่อที่อยู่และรายละเอียดในบัตรตรงกันหมด ต่างกันแค่รูปถ่ายคนละคน โดยหนุ่มใหญ่คนนี้ชื่อ นายหมัดโสด สายสะอิด…

Home / NEWS / หนุ่มใหญ่แทบช็อค ได้รับข่าวว่าตัวเองเสียชีวิต อยู่ที่โรงพยาบาลสงขลา

หนุ่มใหญ่วัย 41 ปี ได้รับข่าวว่าตัวเองเสียชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลสงขลา ไปตรวจสอบพบเป็นคนละคนกันแต่ถูกสวมบัตร

หนุ่มใหญ่วัย 41 ปี แทบช๊อคได้รับข่าวว่าตัวเองเสียชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลสงขลา ไปตรวจสอบพบเป็นคนละคนกันแต่ถูกสวมบัตรประชาชน ทั้งชื่อที่อยู่และรายละเอียดในบัตรตรงกันหมด ต่างกันแค่รูปถ่ายคนละคน

โดยหนุ่มใหญ่คนนี้ชื่อ นายหมัดโสด สายสะอิด อายุ 41 ปี หรือบังโสด ได้เปิดเผยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลสงขลาได้โทรศัพท์มาหาญาติของตนว่า ตัวเองป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลและอาการหนัก แพทย์ได้พยายามปั๊มหัวใจอยู่ในห้องไอซียู ซึ่งญาติตกใจมากรีบไปที่โรงพยาบาล เมื่อดูชื่อและนามสกุลก็เป็นของตนจริงๆ เนื่องจากตอนนั้นอยู่ในห้องไอซียูไม่เห็นหน้า

กระทั่งต่อมาแพทย์ได้แจ้งว่าตนเองได้เสียชีวิตแล้ว ญาติจึงไปดูศพ แต่พอเปิดหน้าออกก็พบว่าเป็นคนละคนกัน และได้พาตนไปยืนยันตัวตนที่โรงพยาบาลสงขลาว่า เป็นคนละคนกันซึ่งน่าจะถูกสวมบัตรประชาชน ซึ่งในบัตรประชาชนรายละเอียดตรงกันทุกอย่างยกเว้นรูปถ่าย รวมทั้งบัตรตัวปลอมเป็นบัตรเก่าที่หมดอายุไปแล้วเมื่อปี2560 ส่วนบัตรตัวจะหมดอายุในปี 2564

และต่อมา เมื่อคืนนี้ทางโรงพยาบาลสงขลายังได้แจ้งมายังผู้ใหญ่บ้านอีกครั้งว่า ให้มาช่วยแจ้งญาติตนว่า ตนเสียชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ก็ได้บอกไปว่าไม่ใช่ตัวจริง และได้ไปยืนยันตัวตนแล้ว จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบที่มาที่ไปของชายคนนี้ว่า มาสวมบัตรประชาชนของตนได้อย่างไร

นายหมัดโสด บอกว่า นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกปลอมบัตรประชาชน โดยเมื่อ 2 ปีก่อนก็เคยมีคนไปแจ้งขอต่อบัตรประชาชนใหม่ในชื่อตนที่ ที่ว่าการอำเภอสทิงพระ แต่ไม่สามารถต่อได้ เพราะซ้ำซ้อนเนื่องจากตนได้ไปทำบัตรใหม่แล้ว

หลังจากที่ได้ทำบัตรประชาชนหล่นหาย จึงเชื่อว่าน่า จะมีคนพบและนำไปสวมชื่อแทน ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบข้อมูลพบว่า เคยถูกนำไปใช้รักษาพยาบาลและสมัครทำงานขายไอศกรีมด้วย

ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบข้อมูลของชายที่เสียชีวิตจากทางโรงพยาบาลสงขลา พบว่าหน่วยกู้ภัยของเทศบาลเมืองสงขลาได้ไปรับมาจากวัดแหลมทราย ในเขตเทศบาลนครสงขลา เนื่องจากป่วยหนัก และได้บอกว่าตัวเองชื่อ นายหมัดโสด สายสะอิด แต่ไม่มีบัตรประชาชน

เมื่อตรวจสอบข้อมูลทางโรงพยาบาลก็มีประวัติผู้ป่วยชื่อ นายหมัดโส สายสะอิด ที่เคยเข้ารักษาอยู่แล้วด้วย จึงแจ้งให้ญาติทราบ โดยขณะนี้ศพของชายคนนี้ก็ยังคงถูกเก็บไว้ที่โรงพยาบาลสงขลาเพราะเป็นศพไร้ญาติ

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดแหลมทราย เพื่อสอบถามรายละเอียดของชายคนนี้ และทราบจาก นายฉัตรชัย ทองชาติ อายุ 64 ปี คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างที่รู้จักกับชายคนนี้บอกว่า ไม่ทราบประวัติและที่มาที่ไปของชายคนนี้

ทราบแต่เป็นคนขายไอศครีมและช่วงหลังได้มาช่วยงานที่วัดแหลมทราย และนอนพักที่วัดบ้างเป็นครั้งคราว ในวันเกิดเหตุมีอาการป่วยหนักอาเจียนเป็นเลือด ขอให้ตนช่วยแจ้งหน่วยกู้ภัยให้มารับตัวส่งโรงพยาบาลสงขลา กระทั่งทราบว่าเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ผู้สื่อข่าวได้นำภาพบัตรประชาชนตัวจริงของ นายหมัดโสด สายสะอิด ให้นายฉัตรชัยดู ก็บอกว่ารูปถ่ายเป็นคนละคนกัน แต่รายละเอียดในบัตรประชาชนตรงกันทุกอย่าง เนื่องจากตนไปขอเอกสารบัตรประชาชนจากร้านไอศครีมซึ่งเป็นที่ทำงานเก่าไปมอบให้กับทางโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ทราบประวัติของชายคนนี้เช่นกันเพราะบอกช่วงที่รู้จักก็บอกเพียงชื่อเล่นว่าบังเท่านั้น

จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังร้านไอศกรีมแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนสะเดา ซอย5 ก็ได้รับคำบอกเล่าจากเจ้าของร้านว่าชายคนนี้เคยมาสมัครขายไอศครีมที่ร้านเมื่อราว 2 ปีก่อนและใช้เอกสารบัตรประชาชน ชื่อ นายหมัดโสด สายสะอิด พร้อมที่อยู่ตามบัตรมาสมัครแต่ก็ยืนยันว่าเป็นคนละคนกับตัวจริง

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลยังสำนักทะเบียนราษฎร์ที่ว่าการอำเภอเมืองสงขลา พบว่าในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์บัตรประชาชนชื่อนี้เป็นรูปของ นายหมัดโสด สายสะอิด ที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่บัตรได้ถูกระงับไว้แล้ว

ด้านนายไชยพร นิยมแก้ว นายอำเภอเมืองสงขลา เปิดเผยว่า เรื่องนี้จะต้องมีการพิสูจน์ว่าใครคือตัวจริงตัวปลอม โดยจะต้องนำคนที่ยังมีชีวิตอยู่มาสอบสวนและพิสูจน์ รวมทั้งนำพ่อแม่ญาติพี่น้องกำนันผู้ใหญ่บ้านมายืนยันซึ่งจะมีข้อมูลอยู่แล้ว แต่ยังไม่สรุปว่ามีการสวมตัวหรือไม่ ใครเป็นคนสวมใคร และสวมมาจากสำนักทะเบียนไหน

นายอำเภอเมืองสงขลา กล่าวว่า กรณีนี้เกิดขึ้นได้ทั้งเรื่องของความบังเอิญ ความประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่ และเจตนาที่จะทุจริตในการสวมตัว แต่เท่าที่พบการสวมตัวจะไม่สวมกับคนที่มีชีวิตอยู่ แต่ละสวมกับคนที่ตายไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้จะต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงการต่อไป