ตั้งรัฐบาล พลังประชารัฐ รมว.พาณิชย์ หมวดเจี๊ยบ เก้าอี้รัฐมนตรี

หมวดเจี๊ยบ ซัด พรรคการเมืองแย่งเก้าอี้ในรัฐบาลอย่างมูมมาม

หมวดเจี๊ยบ ซัด พรรคการเมืองแย่งเก้าอี้ในรัฐบาลอย่างมูมมาม สะท้อนถึงความไร้เสถียรภาพ และความล้มเหลวของกติกาการเลือกตั้งที่ออกแบบโดยรัฐธรรมนูญปี 60 ในช่วงก่อนและหลังการประชุมรัฐสภาฯ เพื่อลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี ได้มีกระแสข่าวกรณีการดีลจัดตั้งรัฐบาลโดยมีตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ มาเป็นข้อเสนอ ก่อนที่จะมีข่าวสะพัดออกมาว่าพรรคพลังประชารัฐเดินหน้าต่อรองทวงเก้าอี้รัฐมนตรีคืน ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยืนยันยึดตามโควตาเดิมที่ได้หารือไว้คือ รมว.พาณิชย์​…

Home / NEWS / หมวดเจี๊ยบ ซัด พรรคการเมืองแย่งเก้าอี้ในรัฐบาลอย่างมูมมาม

ประเด็นน่าสนใจ

  • มีกระแสข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐเดินหน้าทวงเก้าอี้ รมว.คมนาคม รมวพาณชิย์ และ รมวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คืน
  • ประชาธิปัตย์ ยืนยันยึดตามโควตาเดิมคือ รมว.พาณิชย์​ รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
  • อนุทิน โพสต์เดือด กระทรวงมีไว้ให้คนเข้าไปทำงาน ไม่ใช่มีไว้ให้มาเที่ยวแลกไปมา ก่อนที่จะแสดงความคิดเห็นว่า คมนาคม สาธารณสุข ท่องเที่ยว เปลี่ยนไม่ได้
  • ร.ท.หญิง สุณิสา โพสต์แรง พรรคการเมืองแย่งเก้าอี้ในรัฐบาลอย่างมูมมาม ชี้ให้เห็นความล้มเหลวของกติกาการเลือกตั้งที่ออกแบบโดยรัฐธรรมนูญปี 60

หมวดเจี๊ยบ ซัด พรรคการเมืองแย่งเก้าอี้ในรัฐบาลอย่างมูมมาม สะท้อนถึงความไร้เสถียรภาพ และความล้มเหลวของกติกาการเลือกตั้งที่ออกแบบโดยรัฐธรรมนูญปี 60

ในช่วงก่อนและหลังการประชุมรัฐสภาฯ เพื่อลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี ได้มีกระแสข่าวกรณีการดีลจัดตั้งรัฐบาลโดยมีตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ มาเป็นข้อเสนอ ก่อนที่จะมีข่าวสะพัดออกมาว่าพรรคพลังประชารัฐเดินหน้าต่อรองทวงเก้าอี้รัฐมนตรีคืน

ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยืนยันยึดตามโควตาเดิมที่ได้หารือไว้คือ รมว.พาณิชย์​ รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

อีกทั้งเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กอย่างดุเดือดว่า “กระทรวงมีไว้ให้คนเข้าไปทำงาน ไม่ใช่มีไว้ให้มาเที่ยวแลกไปมา จบข่าว” และต่อมานายอนุทินได้ตอบคำถามในโพสต์ดังกล่าวว่า “คมนาคม สาสุข ท่องเที่ยวครับ เปลี่ยนไม่ได้” ส่งผลให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง

ล่าสุดวันที่ 9 มิ.ย. 2562 ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง หรือ หมวดเจี๊ยบ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีความไม่ลงตัวของการจัดตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงๆ โดยมองว่าระบบรัฐบาลผสมจะสามารถบริหารประเทศอย่างเป็นเอกภาพได้อย่างไร ชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของกติกาการเลือกตั้ง อีกทั้งยังมองว่าการเมืองจะกลายเป็นเรื่องของการต่อรองผลประโยชน์ ทั้งนี้ข้อความระบุว่า

ภาพการยื้อแย่งเก้าอี้ในรัฐบาลของพรรคการเมืองต่างๆ อย่างมูมมามในขณะนี้ ชี้ให้เห็นความล้มเหลวของกติกาการเลือกตั้งที่ออกแบบโดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งทำให้ผลการเลือกตั้งบิดเบี้ยวจนเกิดระบบรัฐบาลผสมเกือบ 20 พรรค จะบริหารประเทศอย่างเป็นเอกภาพอย่าง ทั้งยังสะท้อนถึงความไร้เสถียรภาพทางการเมืองโดยยังไม่ต้องดูหน้าตา ค.ร.ม. ด้วยซ้ำ

และเป็นลางร้ายว่าการเมืองจะกลายเป็นเรื่องของการต่อรองผลประโยชน์ เพราะรัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำ จึงต้องง้อพรรคเล็กพรรคน้อยเพื่อแลกกับการยกมือสนับสนุนในสภาฯ ซึ่งจะเป็นช่องทางหากินของนักการเมืองที่ไม่ดีและใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวได้ง่าย ซึ่งจะทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา

จะเห็นว่าสวนดุสิตโพลล่าสุดระบุว่า คนไทย ร้อยละ 72.2 มองการแย่งเก้าอี้ในรัฐบาลว่าเป็นการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน เพราะเป็นกระทรวงที่มีงบประมาณมาก ไม่ได้มองว่าเป็นการแย่งกระทรวงกันทำงานแต่อย่างใด

สาเหตุที่ทำให้ระบบการเมืองไทยอ่อนแอในขณะนี้มีต้นตอมาจากรัฐธรรมนูญ ทางแก้คือต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ไม่ใช่แก้แค่เพียงบางมาตรา เพราะมีการหมกเม็ดกลไกสืบทอดอำนาจเผด็จ และมีการวางโครงสร้างทางอำนาจแบบผิดๆ อย่างเป็นระบบ จึงต้องวางโครงสร้างทางการเมืองกันใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอย่างแท้จริง

แต่ประชาชนที่เห็นพิษภัยของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยสร้างแรงกดดันทางสังคมนอกสภาฯ ด้วยอีกทางหนึ่ง เพื่อให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่ารอให้นักการเมืองแก้ฝ่ายเดียว

เพราะต้องยอมรับว่าพรรคการเมืองบางพรรคที่ได้ประโยชน์จากกติกาการเลือกตั้งบิดเบี้ยวแบบนี้ ก็คงไม่อยากเปลี่ยนกติกาเลือกตั้ง โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่ไม่หวังชัยขนะในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต แต่ก็ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ทั้งที่รู้ตัวว่าจะแพ้ เพราะถึงจะแพ้ก็ยังเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อได้

จะเห็นว่านี่เป็นกติกาเลือกตั้งที่ประชาชนเสียประโยชน์ แต่นักการเมืองบางพรรคได้ประโยชน์ ซึ่งคนที่ได้เป็น ส.ส. เพราะรัฐธรรมนูญแบบนี้ย่อมไม่ดิ้นรนที่จะเปลี่ยนกติกาเลือกตั้ง ทั้งที่กติกาแบบนี้ทำให้เจตจำนงค์ในการลงคะแนนเลือกตั้งของประชาชนถูกบิดเบือนและผิดเพี้ยนไปจากความต้องการที่แท้จริง ทั้งยังทำให้ระบบการเมืองอ่อนแอ และทำลายความเข้มแข็งของระบบรัฐสภา

หากประชาชนต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง ก็ต้องมีส่วนร่วมโดยการสร้างแรงกดดันทางสังคมและต้องหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนเพื่อยกระดับให้เป็นประเด็นสาธารณะ ไม่อย่างนั้นระบอบรัฐประหารจะหลอกหลอนประเทศไทยไปจนชั่วลูกชั่วหลาน