ประเด็นน่าสนใจ
- ปิยบุตรร้องประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณี 41 ส.ส.ของพรรคฝ่ายรัฐบาลถือหุ้นสื่อเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามหรือไม่
- ปิยบุตร จี้ถาม ชวน หลีกภัย หากยังไม่มีความคืบหน้าแสดงว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่ได้บอกให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรมีดุลยพินิจใดๆ ทั้งสิ้น โดยต้องส่งต่อ
ปิยบุตร จี้ถามประธานสภาฯ ปม 41 ส.ส.พรรคฝ่ายรัฐบาลถือหุ้นสื่อ ชี้ ‘ชวน’ ไม่ส่งเรื่องต่ออาจขัด รธน. มั่นใจหากใช้มาตรฐานเดียวกับ ‘ธนาธร’ 7 วันรู้ผล เข้าข่ายสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวได้
วันที่ 11 มิถุนายน ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการยื่นเรื่องต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กรณี 41 ส.ส.ของพรรคฝ่ายรัฐบาลเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามต่อการเป็น ส.ส. เกี่ยวกับการถือหุ้นสื่อหรือไม่
โดยมีการเข้าร้องไปแล้วครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ส.ส.ที่เข้าข่าย จำนวน 30 คน และอีกครั้งเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ส.ส.ที่เข้าข่าย จำนวน 11 คน ซึ่งรวมทั้งหมด 41 คน เพื่อให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณา
นายปิยบุตร กล่าวว่า ตอนนี้เรื่องยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ซึ่งกรณีนี้พรรคอนาคคใหม่ใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ซึ่งกำหนดไว้ว่า ส.ส. จำนวน 1 ใน 10 ขึ้นไป มีสิทธิ์เข้าชื่อร้องขอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ โดยประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่มีอำนาจหรือดุลยพินิจใดๆ ทั้งสิ้น ต้องทำหน้าที่ส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ
ซึ่งในกรณีที่จะตรวจสอบนั้นก็มีเพียงแค่เรื่องลายเซ็น ส.ส. ว่าครบตามจำนวนที่กำหนดหรือไม่ โดยในวันนั้น ส.ส.พรรคอนาคตใหม่เกือบทั้งหมดก็ได้ไปลงนามด้วยกันต่อหน้าเจ้าหน้าที่รัฐสภา สื่อมวลชน และไปยื่นเรื่องด้วยกันอย่างถูกต้องเรียบร้อย
ครั้งที่สองตอนยื่นรายชื่อเพิ่มก็เช่นกัน เพราะฉะนั้นคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้วในทางกฎหมายที่จะติดขัด จึงอยากเรียกร้องไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎรว่าช่วยดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป คือส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านมา 7 วันแล้ว ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องเหนี่ยวรั้งรออะไร
หากส่งต่อเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ถ้าเทียบเคียงกับกรณีของคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาเพียง 7 วันเท่านั้น ที่จะออกคำสั่งว่ารับเรื่องนี้ไว้สู่กระบวนการพิจารณาหรือไม่ และจะสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหรือไม่ ซึ่งผมมีความเห็นว่าก็ไม่แตกต่างกัน จำเป็นที่จะต้องสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวด้วยถ้าจะใช้มาตรฐานเดียวกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีนี้มีความสำคัญต่อการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะทั้ง 41 ส.ส. นั้นเป็น ส.ส. ฟากรัฐบาลทั้งหมด ผมเรียนว่าเราเสียโอกาสมาแล้ว 1 ครั้ง เพราะว่า ส.ส. เหล่านี้ได้เข้าไปยกมือโหวต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้กับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นขณะนี้กำลังจะจัดตั้งรัฐบาลกัน 41 ส.ส. นี้ส่งผลต่อการตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า ถ้าเรื่องนี้ผ่านพ้นไปเรื่อยๆ ยังไม่มีการส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ แสดงว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้บอกให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรมีดุลยพินิจใดๆ ทั้งสิ้น ต้องส่งต่อ ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ ก็เป็นอย่างนี้
คือประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นเสมือนบุรุษไปรษณีย์ หมายความว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรปฏิบัติหน้าที่เป็นประมุขฝ่ายสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นเมื่อมีสมาชิกกลุ่มหนึ่งสงสัยว่ามีสมาชิกขาดคุณสมบัติ ประธานสภาผู้แทนราษฎรก็มีหน้าที่ส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ส่ง