7 พรรคฝ่ายค้าน เดินหน้าตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล

ประเด็นน่าสนใจ

7 พรรคฝ่ายค้าน เดินหน้าตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รวมถึงจะมีการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ

วันที่ 12 มิ.ย. 2562 ที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ 7 พรรคร่วมฝ่ายประชาธิปไตย ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคเพื่อชาติ และพรรคพลังปวงชนไทย ได้ประชุมหารือแนวทางการทำงานของฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่เราดำเนินการมาจนถึงทุกวันนี้ได้ประสบความสำเร็จอย่างเต็มที่ เราทำงานกันแบบสร้างสรรค์สามารถจะทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนได้เป็นอย่างดี สำหรับข้อสรุปในการประชุมวันนี้ประเด็นแรกคือเราจะทำงานเป็นฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรร่วมกัน

ประเด็นต่อมาเราจะไม่ทำงานในสภาผู้แทนราษฎรเพียงอย่างเดียว จากนี้ไปจะมีการทำงานรณรงค์และทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในเรื่องต่างๆ นอกสภาฯ โดยมีการตั้งคณะทำงานหนึ่งชุดเพื่อประสานงานกับ 7 พรรคร่วม

ขณะที่ประเด็นที่สามเราได้พยายามจะอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรอยู่หลายเรื่องและเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการได้มาซึ่ง ส.ว. รวมถึงคณะกรรมการสรรหาที่เปิดเผยไปแต่ยังมีกระบวนการที่ไม่ชัดเจน

อย่างไรก็ตามการทำงานของ 7 พรรคร่วม จากนี้ไปจะมีการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ตัวแทนพรรคร่วมในฐานะวิปร่วมรัฐบาลจะประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมการสำหรับประชุมสภาฯ ที่จะเกิดขึ้น เราจะร่วมมือกับองค์กรภาคประชาชน และสถาบันทางวิชาการ ในการทำความเข้าใจกับประเด็นปัญหาต่างๆ เพื่อให้สังคมเข้ามามีส่วนร่วม

ด้าน พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เปิดเผยว่า เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีความบริสุทธิ์ โดยมีการโกงตั้งแต่เขียนรัฐธรรมนูญจนกระทั่งเลือกตั้งเสร็จสิ้น สิ่งแรกที่เราจะดำเนินการคือเรายังมีข้อสงสัยในการคำนวณส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของ กกต. ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่

ซึ่งแท้จริง 7 พรรคฝ่ายประชาธิปไตยมีจำนวน ส.ส. มากกว่าเกินครึ่ง หรือประมาณ 254 คน ไม่ใช่ 240 กว่าอย่างที่คำนวณมา โดยจะรวบรวมหลักฐาน และรายชื่อ ส.ส. 50 คนเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำไปส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป

ขณะที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า การตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล โดย 7 พรรคได้มีการพูดคุยว่าจะมีการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญในสภาฯ รวมถึงทำความเข้าใจกับภาคประชาชนทั่วประเทศ โดยช่วยกันทำให้ทุกคนเกิดเป็นฉันทามติร่วมกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่สามรถไปต่อได้ซึ่งจะเป็นวิกฤตแน่นอน

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ได้มีการเตรียมอภิปรายเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล ว่าเงินที่จะมาบริหารนโยบายต่างๆ นั้นนำมาจากไหน เนื่องจากยุทธศาสตร์ 20 ปีมีการระบุว่า หากนำเงินมาใช้ต้องแจ้งที่มาอย่างชัดเจน

ซึ่งขณะนี้เป็นห่วงปากท้องประชาชน และพืชผลเกษตรมีราคาตกต่ำมาก โดยนโยบายของรัฐบาลจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ซึ่งประเด็นเหล่านี้เราจะมีคณะกรรมการที่จะติดตามและตรวจสอบรัฐบาลต่อไป