ชาวเมียนมาประท้วงใหญ่ต่อเนื่อง / รบ. ใช้ ม.144 เคอร์ฟิวส์ – ห้ามรวมตัว

เมียนมาประท้วงต่อเนื่องวันที่ 3 มีปชช.เข้าร่วมเพิ่มมากขึ้น

Home / NEWS / ชาวเมียนมาประท้วงใหญ่ต่อเนื่อง / รบ. ใช้ ม.144 เคอร์ฟิวส์ – ห้ามรวมตัว

ประเด็นน่าสนใจ

  • สถานการณ์การประท้วงในเมียนมาขยายวงมากขึ้นเรื่อยๆ
  • มีกลุ่มผู้เข้าร่วมชุมนุมเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่แสดงออกในการไม่ยอมรับการรัฐประหารเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง
  • เนปิดอว์ ตึงเครียดหลังมีการฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุม / จนท.วางแนวเส้น ห้ามข้ามเด็ดขาด
  • มีการประกาศใช้ กฎหมาย ม. 144 ห้ามรวมกลุ่มเกิน 5 คน, เคอร์ฟิวส์ 20.00-04.00 น.
  • พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ออกโทรทัศน์ครั้งแรก แถลงการณ์ถึงความจำเป็นในการยึดอำนาจ ย้ำ เป็นไปตามรธน. ปี 2551 เปิดเป้าหมาย 5 เรื่องในการแก้ไขปัญหา

ในการชุมนุมประท้วงเมื่อวานที่ผ่านมาในเมียนมา เพื่อต่อต้านการทำรัฐประหารของกองทัพเมียนมา มีแนวโน้มยังคงขยายตัวและมีประชาชนมาเข้าร่วมในการประท้วงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ย่างกุ้งเป็นจุดหลัก

การประท้วงในเมียนมาวานนี้ ( 8 ก.พ.) บริเวณกรุงย่างกุ้งยังคงเป็นจุดหลักของการประท้วง ซึ่งมีชาวเมียนมาหลายหมื่นคนออกมารวมตัวกันเรียกร้องประชาธิปไตย และให้มีการปล่อยตัวนางอองซาน ซูจี

โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ออกเดินขบวนประท้วงไปตามถนนสายต่าง ๆ ในกรุงย่างกุ้ง มีผู้คนเข้าร่วมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการนัดรวมตัวกันตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00 น. ต่อเนื่องไปถึงตอนเย็น ซึ่งวานนี้ มีภาพของกลุ่มดารา-นักแสดง-คนดังในเมียนมา ออกมาร่วมประท้วงมากขึ้น รวมถึงภาพของเจ้าหน้าที่ในสังกัดหน่วยงานของรัฐ หลายหน่วยออกมาร่วมเดินขบวนประท้วงกับกลุ่มประชาชน – นักศึกษา ด้วย

จุดหลักของการประท้วงวานนี้ ( 8 ก.พ. ) ยังคงเป็นพื้นที่ในจุดเดิมคือ บริเวณด้านหน้า Hledan Center และบริเวณโดยรอบ ส่วนอีกจุดหนึ่งคือ บริเวณเจดีย์ซูเล ซึ่งถนนหลายสายที่เชื่อมต่อกับพื้นที่การชุมนุมทั้งสองจุด นั้น มีประชาชนชนออกมาเดินประท้วงและแสดงออกไม่ยอมรับการรัฐประหาร บีบแตรรถ – ร้องตะโกน

ธนาคารหลายแห่งได้มีการหยุด ซึ่งไม่ได้มีการประกาศ หรือให้รายละเอียดของการหยุดให้บริการแต่อย่างใด ในขณะเดียวกันมีรายงานการพบกลุ่มพนักงานธนาคารหลายแห่ง ออกมาร่วมในการเดินขบวน-ประท้วงด้วย

เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ – การรถไฟ – กระทรวงต่าง ๆ ของเมียนมาจำนวนมากแต่งกายในเครื่องแบบ ก็ได้มีออกมาร่วมในการประท้วงในครั้งนี้ด้วย ในขณะเดียวกันกลุ่มแรงงานในหลายโรงงานก็ได้แสดงออกคัดค้านการรัฐประหารในครั้งนี้เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในย่างกุ้ง จนท.ตำรวจ และชุดควบคุมฝูงชน พร้อมรถฉีดน้ำแรงดันสูง ได้มีการตรึงกำลังในพื้นที่สำคัญ ๆ ใกล้เคียงกับการชุมนุม ในพื้นที่กรุงย่างกุ้ง รวมถึงมีการปิดกั้นถนนบางจุด เพื่อควบคุมพื้นที่

แบนสินค้า-บริการที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ

ประชาชนชาวเมียนมายังมีแคมเปญ ไม่ซื้อสินค้าในธุรกิจของทหาร โดยสินค้าต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ ไม่ว่าจะเป็น เบียร์ ทั้ง Myanmar Beer, Dagon Beer, Mandalay Beer มีรายงานว่า มียอดขายลดลง จากประชาชนจำนวนมาแบน-ระงับการซื้อสินค้าที่ระบุว่า เกี่ยวข้องกับกองทัพเมียนมา

ส่วนซิมการ์ด Mytel นั้นพบว่า มีผู้ใช้บริการเปลี่ยนไปยังค่ายผู้ให้บริการรายอื่นเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ร้านค้าบางแห่ง ได้มีการนำสินค้าต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพออกจากชั้นวาง

เนปิดอว์ ตึงเครียด – ฉีดน้ำสลายการชุมนุม

ที่กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของเมียนมา ได้มีการจัดการชุมนุมเช่นเดียวกับที่ย่างกุ้ง มีประชาชนออกมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากมีการร้องตะโกนเรียกร้องประชาธิปไตย ให้ปล่อยตัวนางอองซาน ซูจี เช่นเดียวกันในจุดอื่น ๆ

แต่ในกรุงเนปิดอว์ ซึ่งผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ระบุว่า นี่คือฐานที่มั่นหลักของกองทัพ รวมถึงมีการควบคุมตัวนางอองซาน ไว้ที่นี่ด้วย จึงมีการตรึงกำลังในบริเวณไว้อย่างเข้มงวด ซึ่งในช่วงกลางวัน จนท.ตำรวจได้มีการฉีดน้ำใส่กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง เพื่อเปิดพื้นที่ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจ ซึ่งในที่สุดก็ต้องหยุดการฉีดน้ำ

ในช่วงบ่าย บริเวณการชุมนุมในเนปิดอว์ สถานการณ์เริ่มตึงเครียดมากขึ้น เนื่องจากชาวเมียนมาต่างออกมารวมตัวกันมากขึ้น เนื่องจากไม่พอใจการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการฉีดน้ำสลายการชุมนุม

ในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการระดมกำลังเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ก่อนที่จะมีการประกาศเด็ดขาด ห้ามไม่ให้ผู้ชุมนุมข้ามแนวกั้นมาโดยเด็ดขาด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้วางแนวเชือกกั้นไว้ 3 แนวด้วยกัน พร้อมระบุว่า หากใครข้ามเส้น 3 เส้นนี้ จนท.จะบังคับใช้กฎหมายขั้นสูงสุด

แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้นเพิ่มเติมแต่อย่างใด

ประกาศ ม.144

ในช่วงค่ำ มีการประกาศใช้ กฏหมาย ม. 144 ของเมียนมา โดยกำหนดไม่ให้มีการรวมตัวกันเกิน 5 คน ในการประท้วงหรือก่อจราจล, ห้ามออกนอกเคหสถานในช่วงเวลา 20.00 น. – 04.00 น. ในหลายเมืองด้วยกัน โดยในภูมิภาคมัณฑะเลย์ – บาโก

โดยประกาศดังกล่าวระบุว่า เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัย และควบคุมให้สถานการณ์ในประเทศเป็นตามกฎหมาย เพื่อรักษาความสงบสุขของชาติ

นอกจากนี้ ข่าวของช่อง MRTV ของกองทัพเมียนมา ได้รายงานว่า รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย และรักษาความปลอดภัย และความเรียบร้อยภายในชาติ

พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ออกแถลงการณ์

ในเวลาประมาณ 20.00 น. โทรทัศน์ MRTV ของเมียนมา ได้เผยแพร่แถลงการณ์โดยพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ได้กล่าวถึงเหตุผลของการยึดอำนาจในครั้งนี้ว่า จากความไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้ง มีการโกงการเลือกตั้งโดยการสวมชื่อประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 10 ล้านคน มีการลงคะแนนเสียงซ้ำซ้อนกันไปมาทั้งในส่วนของระหว่างภูมิภาค-ระหว่างรัฐ ต่าง ๆ ทำให้การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการยึดอำนาจ

โดยกองทัพได้ ประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งเป็นอำนาจตามรัฐธรรมนูญ ปี 2008 ของเมียนมา เพื่อรักษระบอบประชาธิปไตย และความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในประเทศไว้ ซึ่งกองทัพมีเป้าหมาย 5 ประการคือ

  1. ให้มีการตรวจสอบการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่
  2. เพื่อการควบคุมการระบาดของโควิด-15 รวมถึงการกระจายการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใด
  3. ฟื้นฟูธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
  4. เดินหน้าข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ เพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพในเมียนมา รวมถึงการเจรจากับบังคลาเทศ ในเรื่องของผู้ลีภัยอีกด้วย
  5. จัดการเลือกตั้งทั่วไป ตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อสิ้นสุดการประกาศใช้ภาวะฉุกเฉิน