เหล้าเก่าในขวดใหม่! โฉมหน้า ครม. ประยุทธ์ คล้าย ครม.ยุคทักษิณ

ประเด็นน่าสนใจ

แม้การจัดโผคณะรัฐมนตรียังไม่ลงตัว แต่ก็พอมีรายชื่อออกมาให้ทราบกันแล้วว่า คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีใครเข้ามาทำหน้าที่บ้าง

แต่เป็นที่น่าสังเกตก็คือ บุคคลที่เข้ามาทำหน้าที่รัฐมนตรีครั้งนี้ ส่วนใหญ่เคยทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างๆ ในสมัย นายทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, นายสมศักดิ เทพสุทิน, นายวิษณุ เครืองาม และนายอนุทิน ชาญวีรกุล เป็นต้น

ต้านระบอบทักษิณผ่านไป 10 กว่าปี ได้ชุดบริการกลุ่มเดิมกลับมาทำงาน

โดยการเทียบเคียงดังกล่าว ถูกเผยแพร่ผ่านเพจ วิวาทะ V2 และผู้ใช้เฟซบุ๊ก Jakrapong Kumtetyai ที่ระบุข้อความทำนอง ว่า เมื่อการต่อต้านระบอบทักษิณผ่านไป 10 กว่าปี ปัจจุบันกลับได้คนในยุคนั้นมาบริหารประเทศเหมือนเดิม

ซึ่งเมื่อภาพดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไป ทำให้มีคนส่งต่อและเข้าไปแสดงความเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ต่างฉงนปนสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเหมือนกับลอกกันมาแบบเป๊ะๆ  บ้างก็ว่าอย่างนี้คงต้องรอดูผลงาน หากทำเศรษฐกิจให้ดีได้ก็อยู่ที่ทีมงาน แต่หากล้มเหลวไม่เป็นท่า ก็คงเป็นเพราะฝีมือของผู้นำอย่างนายทักษิณที่บริหารเก่ง คงไม่ใช่ทีมบริหารที่ตั้งขึ้น

ตำแหน่งรัฐมนตรี สมัยทักษิณ VS บิ๊กตู่

เมื่อลองย้อนดูการทำหน้าที่รัฐมนตรี ของบุคคลดังกล่าวข้างต้น จะพบว่าแต่ละคนก็สลับสับเปลี่ยนหน้าที่กันทำงาน หลังมีการปรับเปลี่ยน ครม. ในยุคนั้นบ่อยครั้ง โดยมีผลงานที่เป็นภาพจำของประชาชน ดังนี้

รวมมิตรว่าที่ ครม. ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 2

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์

ผลงานโดดเด่น ในช่วงก่อนทำหน้าที่เป็นรองนายกฯ และขุนคลังในรัฐบาลทักษิณ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ถือเป็นกุนซือสำคัญในการกำหนดนโยบายของพรรคไทยรักไทย

อาทิ นโยบายช่วยเหลือชาวนาในรูปแบบต่างๆ นโยบายกองทุนหมู่บ้าน นโยบายค่าโดยสารฟรี นโยบายการรักษาพยาบาลฟรี แต่ปรับแนวมาเป็นนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคแทน

จากนั้นได้นำกลยุทธ์การตลาดมาใช้จริงทำให้พรรคไทยรักไทยสามารถชนะการเลือกตั้งได้สำเร็จ จากนั้นหลังเข้ามารับหน้าที่เป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ก็ได้ดำเนินการนโยบายประชานิยมอันเลื่องชื่อ และนโยบายครัวไทยไปครัวโลก แต่ไม่ประสบผลสำเร็จมากนัก

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

ผลงานช่วงรับหน้าที่รัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ คือการผลักดันก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ และเร่งรัดให้มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT

แต่หลังจากนั้น สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ มีชื่อเอี่ยวทุจริตในการจัดซื้อเครื่องเอกซเรย์ตรวจสัมภาระ และเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ก่อนที่เวลาต่อมาข้อกล่าวหาต่างๆ มีอันต้องตีตกไป เพราะ ป.ป.ช. มีมติยกคำร้องเมื่อ 28 สิงหาคม 2555 เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ

สมศักดิ เทพสุทิน

ผลงานก่อนหน้าที่จะมาทำหน้าที่รัฐมนตรีในยุคทักษิณ เขาคือเป็นผู้วางปากกาเซ็นสัญญาว่าจ้างสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ (หนองงูเห่า) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่มีรัฐบาลไหนกล้าทำ เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ ใช้เม็ดเงินมหาศาล

จากนั้นหลังเขาสู่วังกัดพรรคไทยรักไทย เขาคือผู้ชูนโยบาย “โคล้านตัว” เป็นนโยบายที่จะทำการแจกโคให้แก่เกษตรกรฟรีทั่วประเทศ

และเป็นที่มาของการจัดตั้งบริษัท ส่งเสริมธุรกิจเกษตรกรไทย จำกัด แต่โครงการดังกล่าวก็ไม่ประสบความสำเร็จ สามารถดำเนินการจัดหาโคได้เพียง 21,ุ684 ตัวเท่านั้น

นายวิษณุ เครืองาม

ผลงานส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปในเรื่องกฎหมายของรัฐบาลสมัยนั้น เพราะเขาได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่ทุกภาคส่วนยอมรับว่าเป็นผู้ที่สามารถอธิบายกฎหมายได้เข้าใจที่สุด

นายอนุทิน ชาญวีรกุล

ในช่วงรัฐบาลทักษิณ เขาก้าวมาในตำแหน่งที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ จากนั้นได้ขยับมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ แต่ไม่มีผลงานโดดเด่นมากนัก

เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นชีวิตการทำงานทางการเมือง หลังจากทำหน้าที่เป็นนายทุนให้กับพรรคการเมือง ก่อนที่ต่อมาถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ไม่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในยุคนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เคยทำหน้าที่เป็น ผู้บัญชาการทหารบก ในช่วงที่นายทักษิณอยู่ในอำนาจ คือช่วง 1 ต.ค. 2547 – 30 ก.ย. 2548

ทำหน้าที่ในการแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกับ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ขณะเดียวกันก็เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับรัฐบาลทักษิณ ให้เกิดความรู้สึกว่าไม่ได้เลือกญาติพี่น้องมานั่งเก้าอี้สำคัญในรัฐบาล