ข่าวต่างประเทศ รัฐประหาร รัฐประหารในเมียนมา เมียนมา

ชาวเมียนมา ในหลายเมืองรวมตัว-เดินขบวนประท้วงรัฐประหาร

วันนี้ (8 ก.พ.) ชาวเมียนมาเริ่มรวมตัวประท้วงอีกครั้ง เป็นวันที่ 3

Home / NEWS / ชาวเมียนมา ในหลายเมืองรวมตัว-เดินขบวนประท้วงรัฐประหาร

สถานการณ์วันนี้ 8 ก.พ.

  • การเดินขบวนประท้วง เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา
  • ไม่ว่าจะเป็นในย่างกุ้ง ที่เมื่อวานนี้ เป็นจุดหลักที่มีการชุมนุมใหญ่ในบริเวณเจดีย์ซูเล ใกล้กับศาลาว่าการกรุงย่างกุ้ง
  • เมียวดี ก็มีการตั้งขบวน เช่นเดียวกับในเมืองอื่นๆ อีกหลายเมือง
  • แนวโน้มในวันนี้ มีการรวมตัวกันรวดเร็ว คาดว่า การประท้วงในวันนี้ จะมีผู้เข้าร่วมมากยิ่งขึ้นกว่าเมื่อวานที่ผ่านมา

สถานการณ์การเมืองในเมียนมา หลังการรัฐประหารของกองทัพเมียนมา ประชาชนชาวเมียนมาจำนวนหลายหมื่นคน ในหลายเมือง รวมตัวกันประท้วงรัฐบาลทหาร เรียกร้องประชาธิปไตย ไม่ยอมรับการรัฐประหาร พร้อมเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางอองซาน ซูจี และแกนนำพรรค NLD รวมถึงผู้ที่ถูกควบคุมตัวโดยกองทัพเมียนมา

ลงถนน-ชุมนุมต่อเนื่องวันที่สอง

ตั้งแต่ช่วงเวลาราว 08.00 น. ของวานนี้ ชาวเมียนมาหลายพันคน ได้รวมตัวกันเดินไปตามถนนในกรุงย่างกุ้ง โดยเฉพาะในบริเวณถนนสายหลัก ใกล้กับ Hledan , มหาวิทยาลัยย่างกุ้ง โดยในการประท้วงมีการเดินขบวนไปตามถนน ตะโกนเรียกร้องประชาธิปไตย และขับไล่กองทัพ ไม่ยอมรับการทำรัฐประหารที่เกิดขึ้น

ตลอดเส้นทาง ประชาชนชาวเมียนมาได้รวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ในช่วงสาย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยควบคุมฝูงชน รวมถึงชุดควบคุมฝูงชน ได้มีการตั้งด่านสกัดกั้นในบางจุด เช่น บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยย่างกุ้ง ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนเดินย้อนกลับมารวมกันบริเวณแยกด้านหน้า Hledan Center

ชาวเมียนมาที่ออกมาชุมนุมประท้วง – 7 ก.พ.

ในช่วงกลางวัน ประชาชนเข้าร่วมการชุมนุมมากกขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่ามากกว่า 1 หมื่นรายในช่วงเที่ยงวันของวันที่ 7 ก.พ. ก่อนมีการเคลื่อนขบวนย้ายไปรวมกันตรงบริเวณ เจดีย์ซูเล ซึ่งใกล้กับศาลาว่าการกรุงย่างกุ้ง โดยในจุดนี้ มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมโล่-กระบอง มาตั้งแนวรั้วกั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุม เข้าไปยังสถานที่ราชการ ได้

โดยการชุมนุมประท้วงในกรุงย่างกุ้งนั้น มีกลุ่มประชาชนจากหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็น ทั้งกลุ่มนักศึกษา ประชาชน และคนดังๆ หลายคนในเมียนมา ร่วมถึงแกนนำในการประท้วง 8888 Uprising เมื่อปี 1988 อีกด้วย

นอกจากนี้ ในเมืองอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น มัณฑะเลย์, พะสิม, ปะก็อกกู, ทวาย, อีนกะบู, ตองตา และอีกหลายเมือง ประชาชนชาวเมียนมาได้ออกมารวมตัวประท้วงกันอย่างต่อเนื่อง

เมียวดีวุ่นวาย หลังตร. จับกุมผู้ประท้วง

เหตุการณ์ในหลายๆ เมืองที่มีการชุมนุมประท้วงในเมียนมา ภาพรวมสวนใหญ่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีความวุ่นวายใดๆ ตั้งแต่ช่วงสายจนถึงเลิกชุมนุม ซึ่งมีเพียงที่เมียวดี มีรายงานเหตุวุ่นวายเกิดขึ้น

โดยในเหตุการณ์การชุมนุมที่เมียวดีนั้น มีกลุ่มผู้ชุมนุมหลายร้อยคน เดินขบวนประท้วง และรวมตัวกันบริเวณด้านหน้าสถานีตำรวจในเมียวดี ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอยู่ พร้อมตั้งแนวอยู่

เหตุการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้นหลังจากการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งต่อมา มีการจับกุมตัวผู้ชุมนุมขึ้น ทำให้ผู้ชุมนุมที่เหลือไม่พอใจ ร้องตะโกน และนำไปสู่ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น มีการขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามเข้าจับกุมผู้ก่อนเหตุเพิ่มเติม ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนแตกฮือ และเกิดเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ซึ่งมีรายงานผู้บาดเจ็บบางส่วน แต่ยังไม่มีรายงานยืนยันยอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้

ภายหลังเหตุความวุ่นวาย ประชาชนชาวเมียนมากลับมาร่วมตัวบริเวณด้านหน้าสถานีตำรวจอีกครั้ง ท่ามกลางข่าวลือว่า มีทหารอยู่ในสถานีตำรวจ จึงทำให้มีประชาชนเข้าสมทบเพิ่มมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ชาวเมียนมาที่ออกมาชุมนุมประท้วง – 7 ก.พ.

สัญญาณอินเตอร์เน็ตกลับมาใช้ได้

ตั้งแต่เมื่อวันที 6 ก.พ. เวลาประมาณ 11.00 น. สัญญาณอินเตอร์เน็ตในเมียนมา ก็เริ่มใช้การไม่ได้ ซึ่งในภายหลังมีข้อมูลยืนยันว่า กระทรวงสื่อสารและคมนาคมของเมียนมา สั่งให้ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตระงับการให้บริการ Data Networks ทั้งหมด โดยหลังจากที่มีการบล็อกอินเตอร์เน็ต ก็มีประชาชนชาวเมียนมาบางส่วน ได้ทำการเปลี่ยนซิมมาใช้บริการซิมมือถือของไทย แทน ซึ่งยังคงสามารถเปิดโรมมิ่งใช้อินเตอร์เน็ต และเข้าโซเซียลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, IG เพื่อติดตามสถานการณ์ได้

ทำให้เกือบทั้งวันของวันที่ 7 ก.พ. อินเตอร์เน็ตในเมียนมาไม่สามารถใช้การได้ ก่อนที่ในเวลาต่อมาในช่วงบ่าย สัญญาณอินเตอร์เน็ตในเมียนมาเริ่มกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง แต่ยังคงพบว่า คงไม่ปัญหาอยู่ในผู้ให้บริการบางราย ซึ่งในวันนี้ ( 8 ก.พ.) สถานการณ์อินเตอร์เน็ตในเมียนมาเริ่มกลับมาดีขึ้น และใกล้เคียงปรกติแล้ว