ประเด็นน่าสนใจ
- เมื่อซื้อตั๋วแล้วแต่ไม่สามารถเดินทางได้ ผู้โดยสารสามารถขอภาษีสนามบิน(Passenger Service Charge) คืนได้
- โดยจะต้องมีหลักฐานยืนยันการสำรองที่นั่งจากสายการบิน ผู้โดยสารสามารถดำเนินการผ่านทางสายการบิน หรือตัวแทนจำหน่าย
- เงื่อนไขเป็นไปตามแต่ละสายการบิน และบัตรโดยสารแต่ละประเภท ผู้โดยสารควรตรวจสอบรายละเอียดก่อนทำการจองบัตรโดยสารทุกครั้ง
การบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ชี้แจงสิทธิ์ประชาชนว่า เมื่อชำระค่าโดยสารเที่ยวบินเต็มจำนวนและได้รับเอกสารยืนยันการสำรองที่นั่งจากสายการบินแล้ว แต่ไม่สามารถเดินทางได้ อย่างน้อยจะสามารถขอภาษีสนามบินคืนได้
ภาษีสนามบิน มีชื่อตามกฏหมายคือ ค่าบริการผู้โดยสารขาออก หรือ Passenger Service Charge (PSC) โดยมีอัตราที่เก็บจริงในปัจจุบัน (ตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง ค่าบริการผู้โดยสารขาออก ณ สนามบินอนุญาตซึ่งให้บริการแก่สาธารณะ พ.ศ. 2560) ดังนี้
เดินทางไปต่างประเทศ | บาท |
สนามบินที่บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) รับผิดชอบ | 700 |
สนามบินที่กรมท่าอากาศยานรับผิดชอบ | 400 |
สนามบินสมุย | 700 |
สนามบินสุโขทัย | 500 |
สนามบินอู่ตะเภา | 400 |
เดินทางภายในประเทศ | บาท |
สนามบินที่บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) รับผิดชอบ | 100 |
สนามบินที่กรมท่าอากาศยานรับผิดชอบ | 50 |
สนามบินสมุย | 300 |
สนามบินสุโขทัย | 200 |
สนามบินตราด | 200 |
สนามบินที่บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) รับผิดชอบ | 100 |
ภาษีสนามบินเป็นค่าบริการที่สนามบินจัดเก็บผู้โดยสารผ่านทางสายการบิน (พร้อมกับการซื้อบัตรโดยสาร) สายการบินจะนำส่งเงินรายได้จากภาษีสนามบินให้กับสนามบินตามจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางจริง ดังนั้น หากไม่ได้เดินทาง จึงสามารถขอคืนเงินค่าภาษีสนามบินจากสายการบินได้
โดยในเบื้องต้นให้ปฏิบัติดังนี้
- ติดต่อโดยตรงกับสายการบินผ่านช่องทาง เช่น อีเมล์ จดหมายคำร้องถึงศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ คอลเซ็นเตอร์
- โดยระบุข้อมูล เช่น ชื่อ-นามสกุล ผู้จอง รายละเอียดเที่ยวบิน หมายเลขการจอง เบอร์ติดต่อกลับ
- ในกรณีที่จองกับตัวแทนจำหน่ายอาจต้องติดต่อตัวแทนจำหน่าย
- ดำเนินการภายในระยะเวลาและเงื่อนไขที่แต่ละสายการบินกำหนด
- บางสายการบินอาจมีค่าธรรมเนียมการดำเนินการ
ส่วนการขอคืนค่าโดยสารจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบัตรโดยสารแต่ละประเภท ซึ่งผู้โดยสารควรตรวจสอบก่อนทำการจองบัตรโดยสารทุกครั้ง