ข่าวสดวันนี้ สาวขายหมาก

ไม่ได้ขายบริการ ! ย้อนรอย ‘นางงามตู้กระจก’ ไต้หวันเวอร์ชั่น ‘สาวขายหมาก’

ย้อนรอย ‘สาวขายหมาก’ อาชีพในชุดวาบหวิวที่แทบสาบสูญ หากพูดถึงการเคี้ยวหมาก คนไทยคงจะนึกถึงชายหรือหญิงชรา หรือคนสมัยก่อน เนื่องจากหลัง ๆ คนรุ่นหลังในไทยไม่ค่อยนิยมเคี้ยวหมากกันแล้ว แต่ถ้าพูดถึง ‘หมาก’ ย้อนกลับไปเมื่อประมาณสัก 2-3 ปีก่อนชาวไต้หวันคงจะนึกถึงสาวสวย หุ่นดี…

Home / NEWS / ไม่ได้ขายบริการ ! ย้อนรอย ‘นางงามตู้กระจก’ ไต้หวันเวอร์ชั่น ‘สาวขายหมาก’

ย้อนรอย ‘สาวขายหมาก’ อาชีพในชุดวาบหวิวที่แทบสาบสูญ

หากพูดถึงการเคี้ยวหมาก คนไทยคงจะนึกถึงชายหรือหญิงชรา หรือคนสมัยก่อน เนื่องจากหลัง ๆ คนรุ่นหลังในไทยไม่ค่อยนิยมเคี้ยวหมากกันแล้ว

แต่ถ้าพูดถึง ‘หมาก’ ย้อนกลับไปเมื่อประมาณสัก 2-3 ปีก่อนชาวไต้หวันคงจะนึกถึงสาวสวย หุ่นดี นุ่งน้อยห่มน้อยในตู้กระจก หรืออาจจะวิ่งมาขายหมากให้ลูกค้ากันถึงรถ เปรียบได้ว่าเป็นการขายหมากแบบ Drive Thru ที่มีร้านในลักษณะนี้มาถึง 60,000 ตู้

ภาพยนตร์เรื่อง Betelnut Girls ที่ตีแผ่เรื่องราวเกี่ยวกับสาวขายหมาก เข้าฉายในปี 2559

ทว่าสาวนุ่งน้อยห่มน้อยที่พูดถึงนี้ถูกเรียกกับติดปากว่า ‘สาวขายหมาก’ (binlang girls) พวกเธอเหล่านี้ จะทำหน้าที่ขายของกินเล่นไปจนถึงบุหรี่ให้กับลูกค้าที่ผ่านไปมาหน้าร้าน โดยเธอจะนั่งเรียกแขกอยู่หลังห้องกระจกใส ที่สามารถมองลอกเข้าไปได้

ส่วนการแต่งกายที่ให้ความรู้สึกชวนวาบหวิวนั้น ก็เพื่อดึงดูดลูกค้าหน้าร้าน เมื่อมีลูกค้าแสดงความต้องการซื้อสินค้า พวกเธอก็จะวิ่งบนส้นสูงอย่างคล่องแคล่วมาถึงรถเพื่อขายสินค้า ซึ่งคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้ว่าพวกเธอขายอะไรมาก่อน ก็มักจะคิดว่าพวกเธอขายสินค้าที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ เนื่องจากการแต่งตัวที่วาบหวิวใกล้เคียงกับการสวมชุดชั้นในมายืนริมถนน

ความงามที่ข้ามเส้นเป็นอนาจาร

ส่วนรูปแบบการแต่งกาย บรรดาสาวขายหมากก็จะประชันกันสวมใส่ชุดสุดวับแวม เพราะส่วนใหญ่ ร้านค้าของสาวขายหมากมักจะมีคู่แข่ง พวกเธอจึงต้องแต่งกายให้จูงใจลูกค้ามากที่สุด ดังนั้นเหล่าสาวขายหมากจึงประชันสวมชุดที่เปิดเผยเนื้อหนัง ซึ่งบางรายแต่งกายโป๊เปลือยถึงขั้นเกือบเปลือยเลยก็มี

ในอดีตอาชีพสาวขายหมากถือได้ว่า เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวไต้หวัน และเป็นอาชีพขวัญใจผู้ใช้แรงงานอย่างคนขับรถบรรทุกและแท็กซี่แน่นอนว่าด้วยรายได้ที่สูงมากกว่าการค่าจ้างจากการทำงานทั่วไปหลายเท่า สาวขายหมากจึงเป็นอาชีพที่จูงใจสาวสวยมากมาย แม้จะต้องแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่น้อยชิ้นเพื่อขายของริมถนน แต่หากยิ่งมีรูปร่างหน้าตาดึงดูดมากเท่าใด ก็จะหมายถึงรายได้ที่มากขึ้นตามไปเท่านั้น

แม้อาชีพสาวขายหมากจะสร้างรายได้งามให้ผู้หญิงจำนวนไม่น้อย แต่ผู้ที่ตัดสินใจมาทำอาชีพนี้ ยังต้องเผชิญคำดูถูกจากสังคม และถูกนำไปเปรียบเทียบกับผู้หญิงขายบริการ ทั้งยังต้องเผชิญกับการใช้สายตามองด้วยความติติง

มีรายงานระบุด้วยว่า สาวขายหมากส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่ยากจน และทำอาชีพนี้เพื่อนำรายได้ไปจุนเจือครอบครัว ทั้งนี้สาวขายหมากบางคน ยังอยู่ในวัยเรียน และบางคนยังอายุน้อยมาก และยังเป็นแค่เด็กมัธยมเท่านั้น

นอกจากนี้ พวกเธอต้องรับมือกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมของลูกค้าชายอยู่บ่อยครั้ง สาวขายหมากบางคนเคยเจอลูกค้าชายโชว์ของลับให้ดูเลยก็มี แม้ว่าในยุคนั้น อาชีพสาวขายหมากจะเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมาย แต่พวกเธอยังต้องคอยรับมือกับเจ้าหน้าที่ ที่มักตระเวนปรับเงินพวกเธอ เมื่อพบว่ามีการแต่งกายที่ข้ามเส้นความเซ็กซี่จนเข้าขั้น ‘อนาจาร’

ข่าวฉาว ตำรวจทุบตี สาวขายหมาก ก่อนลากตัวไปโรงพัก

เมื่อปี 2553 เคยปรากฎข่าวซึ่งเป็นถกเถียงอย่างกว้างขวาง หลังจากมีภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายสาวขายหมาก ด้วยการทุบตี และจับเธอทุ่มลงกับพื้น ก่อนจะใส่กุญแจมือ และนำตัวเธอไปดำเนินคดีที่โรงพัก

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจรายนี้ให้เหตุผลว่า สาวขายหมากรายนี้แต่งตัวไม่เหมาะสม ไปชักชวนลูกค้าให้ซื้อของในที่สาธารณะ ซึ่งเสียงสะท้อนจากสังคมบางส่วนก็มองว่า ตำรวจนายนี้กระทำรุนแรงต่อผู้หญิงมากเกินไป ขณะที่บางส่วนก็มองว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำถูกต้องแล้ว เพราะเธอแต่งตัวไม่เหมาะสมจริงๆ

เปิดประวัติสาวขายหมาก

อาชีพสาวขายหมากเกิดขึ้นในช่วงปี 2533 (เมื่อราว 29 ปีที่แล้ว) บริษัทต่างๆ ในไต้หวัน เริ่มย้ายโรงงานไปตั้งในประเทศจีนเพื่อลดต้นทุนการจ้างแรงงาน ทำให้ชาวไต้หวันว่างงานเป็นจำนวนมาก โดยกลุ่มแรงงานที่ไร้ฝีมือ ทำให้เริ่มมีการเกิดอาชีพสาวขายหมากขึ้น

ภาพยนตร์เรื่อง Betelnut Girls ที่ตีแผ่เรื่องราวเกี่ยวกับสาวขายหมาก เข้าฉายในปี 2559

เคี้ยวหมาก อันตราย เสี่ยงมะเร็ง ?

เนื่องจากหมาก ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่ชาวใต้หวันบางหลุ่มอยู่ไม่น้อย รัฐบาลจะมีโครงการรณรงค์ชักชวนให้คนไต้หวันเลิกเคี้ยวหมากซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งในช่องปาก แต่วัฒนธรรมนี้ได้ฝังรากลึกมายาวนานจนยากที่จะแยกออกจากสังคมได้ ตัวเลขผู้เสียชีวิตนับพันจากมะเร็งช่องปากนั้นไม่ได้สร้างความลังเลใจให้ชายผู้ใช้แรงงานที่เป็นตลาดผู้บริโภคหลักเลย ทั้งนี้เคยมีสถิติชี้ว่า 9 ใน 10 คนมีนิสัยชอบเคี้ยวหมากป่วยเป็นมะเร็งในช่องปาก

ตามสถิติที่จัดทำโดยกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการในปี 2555ระบุว่า ในแต่ละปีมีชาวไต้หวันมากกว่า 5,700 คนได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นมะเร็งในช่องปากนอกจากนี้มีผู้เสียชีวิต 2,300 คนจากโรคดังกล่าว

ภาพยนตร์เรื่อง Betelnut Girls ที่ตีแผ่เรื่องราวเกี่ยวกับสาวขายหมาก เข้าฉายในปี 2559

จากบทสัมภาษณ์ผ่าน ซีเอ็นเอ็น เมื่อปี 2559 นายเฉินเหวิน อาชีพคนขับแท็กซี่ชาวไต้หวันที่ชื่นชอบการเคี้ยวหมากระบุว่า การเคี้ยวหมากช่วยให้เขาทำงานได้นานยิ่งขึ้น

ผู้ที่ชื่นชอบเคี้ยวหมากบางราย อธิบายความรู้สึกเมื่อได้เคี้ยวหมากไว้ว่า ในเริ่มแรกอุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้น ถึงขั้นเหงื่อแตก หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงเกิดความรู้สึกเสียวซ่านที่ปลายแขนและขนลุก จากนั้นจะรู้สึกกระฉับกระเฉง และกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น

รัฐบาลสั่งแบนสาวขายหมาก !!

ตามที่ได้กล่าวมาว่า สาวขายหมากเป็นอาชีพที่คนในสังคมส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ และมักติติงถึงความเหมาะสม ทำให้รัฐบาลนำเรื่องนี้มาทบทวนโดยแบ่งการพิจารณาเป็น 2 ประเด็นได้แก่

  • ความไม่เหมาะสมของชุดที่สาวขายหมากสวมใส่ ซึ่งเปิดเผยเรือนร่างในที่สาธารณะ
  • มีการแสวงหาผลประโยชน์ในธุรกิจนี้ คนบางส่วนมองว่า อาชีพสาวขายหมากเป็นอาชีพที่เอารัดเอาเปรียบ

ในปี 2445 รัฐบาลไต้หวัน เริ่มกำหนดกฎหมายหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการแต่งกายของ สาวขายหมาก และห้ามสวมใส่เสื้อผ้าโป๊เปลือย มีคนจำนวนไม่น้อยระบุว่า สาวขายหมากเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุทางรถยนต์ อาชีพสาวขายหมากเริ่มถูกแบนในเขตเมืองหลวงไทเป จำนวนสาวขายหมากลดลงเรื่อย ๆ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ เข้มงวดกับการแต่งกาย เมื่อชุดที่เคยวาบหวิว กลับมิดชิดขึ้นกว่าเดิม ทำให้ยอดขายลดลง ซึ่งในทุกวันนี้อาจเห็นสาวขายหมากได้บ้างเฉพาะนอกเขตเมือง

 

Cr. Photo Rosie Su  binlangbox