คดีฉ้อโกง เทรดหุ้น เทรดหุ้นผ่านโบรกเกอร์ โบรกเกอร์ ไฮโซเก๊

ตำรวจตามจับไฮโซเก๊ ลวงสองสาวไฮโซเทรดหุ้น สูญกว่า 27 ล้านบาท

สองสาวไฮโซเชียงใหม่ แจ้งความให้ดำเนินคดีหญิงอ้างตัวเป็นไฮโซ หลังถูกหลอกให้ร่วมลงทุนเทรดหุ้นผ่านโบรกเกอร์  สูญเงินไปรวมกันถึง 27 ล้านบาท วันนี้ ( 23 ม.ค. 2562) ผู้เสียหายที่เป็นสองสาวไฮโซเชียงใหม่ นำหลักฐาน เข้าพบ พ.ต.ท.มาโนช เยี่ยมเจริญ…

Home / NEWS / ตำรวจตามจับไฮโซเก๊ ลวงสองสาวไฮโซเทรดหุ้น สูญกว่า 27 ล้านบาท

สองสาวไฮโซเชียงใหม่ แจ้งความให้ดำเนินคดีหญิงอ้างตัวเป็นไฮโซ หลังถูกหลอกให้ร่วมลงทุนเทรดหุ้นผ่านโบรกเกอร์  สูญเงินไปรวมกันถึง 27 ล้านบาท

วันนี้ ( 23 ม.ค. 2562) ผู้เสียหายที่เป็นสองสาวไฮโซเชียงใหม่ นำหลักฐาน เข้าพบ พ.ต.ท.มาโนช เยี่ยมเจริญ พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ เพื่อให้ปากคำในคดีฉ้อโกง

หลังจากที่เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับนางสาวฉัตรทอง ไชยสิทธิ์ อายุ 37 ปี ที่อ้างตัวเป็นไฮโซ เข้ามาตีสนิทชักชวนให้ร่วมลงทุนเทรดหุ้นผ่านโบรกเกอร์ จนหลงเชื่อร่วมลงทุน แต่สุดท้ายถูกหลอก สูญเงินไปรวมกันถึง 27 ล้านบาท

ผู้เสียหาย ให้ข้อมูลว่า ได้รู้จักกับนางสาวฉัตรทอง ไชยสิทธิ์ อายุ 37 ปี ในปี 2559 โดยนางสาวฉัตรทองอ้างตัวเป็นคนในแวดวงไฮโซ เข้ามาตีสนิท และชักชวนให้ร่วมลงทุนเทรดหุ้นผ่านเพื่อนชายคนสนิทที่เป็นโบรกเกอร์ในบริษัทเทรดหุ้นแห่งหนึ่ง ที่มีสาขาอยู่ใน จ.เชียงใหม่

โดยอ้างว่า เพื่อนชายคนนี้เป็นโบรกเกอร์มากประสบการณ์ เคยผ่านงานด้านการแนะนำการลงทุนมาแล้วหลายบริษัท นอกจากนี้นางสาวฉัตรทองยังอ้างด้วยว่าทำธุรกิจค้าเพชรและรู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคน ทำให้ดูน่าเชื่อถือ จึงตัดสินใจนำเงินไปให้ลงทุนเทรดหุ้น

โดยโอนเงินเข้าบัญชีนางสาวฉัตรทอง เพื่อโอนต่อให้โบรกเกอร์เทรดหุ้นให้ เริ่มจากหลักแสนบาท ได้ผลตอบแทนร้อยละ 30 ของเงินลงทุน ช่วงแรกได้รับเงินปันผลจากการลงทุนตามที่ตกลง จึงเพิ่มเงินลงทุนมากขึ้นเป็นหลักล้านบาท

แต่ต่อมาปรากฎว่าไม่ได้รับเงินปันผลตามที่ตกลง โดยนางสาวฉัตรทองอ้างว่าหุ้นตก เมื่อสอบถามของเงินคืนจะบ่ายเบี่ยงทุกครั้ง กระทั่งล่าสุดนางสาวฉัตรทอง ยอมรับว่า ไม่ได้มีการลงทุนเทรดหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ และตนเองก็ไม่ได้ทำธุรกิจค้าเพชรแต่อย่างใด

เมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอกให้ร่วมลงทุนจนสูญเงินกว่า 27.5 ล้านบาท จึงเข้าร้องเรียนกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และ ต่อมาได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ เพื่อดำเนินคดีกับนางสาวฉัตรทองในข้อหาฉ้อโกง โดยหลังพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกนางสาวฉัตรทองให้มารับทราบข้อกล่าวหา นางสาวฉัตรทองได้ ตั้งทนายความเจรจากับผู้เสียหายทั้งสองคน

จนมีการทำบันทึกข้อตกลงรับสภาพหนี้ให้ผู้เสียหายรายแรกเป็นเงินจำนวน 8.5 ล้านบาท และผู้เสียหายรายที่ 2 จำนวน 19 ล้านบาท โดยตกลงแบ่งจ่าย 8 งวด จากนั้นนางสาวฉัตรทองได้สั่งจ่ายเช็คมา แต่ปรากฎว่าเช็คมีปัญหาไม่สามารถสั่งจ่ายได้ เพราะเงินในบัญชีไม่พอจ่าย ผู้เสียหายทั้ง 2 คนจึงเข้าแจ้งความกับนางสาวฉัตรทองเพิ่มเติม

ผู้เสียหายทั้งสองคน บอกด้วยว่า นางสาวฉัตรทองมีพฤติกรรมอ้างตัวเป็นไฮโซเดินสายไปตามงานสังคมต่าง ๆ เพื่อพบปะกับนักธุรกิจและบุคคลมีชื่อเสียง และยังชักชวนให้ร่วมลงทุนในลักษณะต่าง ๆ จนมีผู้คนในแวดวงไฮโซหลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนกับนางสาวฉัตรทองหลายราย ในจำนวนนี้มีนายแพทย์และชาวต่างชาติหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อด้วย

ขณะเดียวกันก็พบว่า นางสาวฉัตรทองยังมีบุคคลอื่นอีกหลายคนคอยให้ความช่วยเหลือในการกระทำผิด ขณะที่นางสาวฉัตรทองก็มีหมายจับในคดีฉ้อโกงอีกกว่า 15 หมายจับ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า หลังแจ้งความดำเนินคดีกับนางสาวฉัตรทอง ตนเองถูกบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งอ้างตัวว่ารู้จักกับคนใหญ่โตในบ้านเมืองข่มขู่หลายครั้ง แต่ยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับนางสาวฉัตรทอง และผู้ให้การสนับสนุนทุกรายจนถึงที่สุด

พ.ต.ท.มาโนช เยี่ยมเจริญ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เปิดเผยว่า คดีนี้มีการแจ้งความกันมาก่อนหน้าเป็นคดีเช็ค มีการตกลงชดใช้เงินคืน แต่ปรากฏว่าผู้เสียหายเจอเช็คเด้งขึ้นเงินไม่ได้ 8 ฉบับ จึงเข้าแจ้งความในข้อหาฉ้อโกงเพิ่มเติม

ล่าสุดตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมลักษณะเดียวกันจนถูกหมายจับ 15 หมาย ในหลายท้องที่ทั่วประเทศ ในส่วนของ สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ออกเพิ่มอีกหมายในข้อหาฉ้อโกง ส่วนผู้ต้องหายังคงหลบหนี ซึ่งได้กระจายหมายเพื่อติดตามจับกุมแล้ว

ส่วนบุคคลอื่นที่ผู้เสียหายเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและสนับสนุนผู้ต้องหาในการหลอกลวงต้มตุ๋น ทางตำรวจจะออกหมายเรียกมาสอบถามข้อมูลในฐานะพยาน หากมีหลักฐานยืนยันว่าร่วมกระทำผิดหรือสนับสนุนจะดำเนินคดีเพิ่มเติม