ประเด็นน่าสนใจ
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อปุณณารมย์สุภาพรลภัสกรได้โพสต์ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์อ้างว่าทำกระเป๋าหรูหายจนมีผู้เก็บได้ก่อนส่งคืนโดยระบุชื่อว่า“นวย” ซึ่งเป็นกรรมกรก่อสร้างพร้อมทั้งโพสต์ข้อความบอกเล่าเรื่องราวหลังจากที่ทำกระเป๋าแบรนด์เนมหล่นหายปรากฏว่ามีคนเก็บไว้ได้แล้วส่งคืนทางไปรษณีย์โดยของข้างในกระเป๋าอยู่ครบเพียงแค่มีเงินหาย 200 บาทเท่านั้น โดยผู้ที่เก็บกระเป๋าไว้ได้แล้วส่งคืนใช้ชื่อว่า ‘นวย’ เขียนข้อความในกระดาษระบุว่า
“ผมเจอตกที่กำแพงผมเป็นคนดีแต่ผมจนผมขอค่าเหล้า1 ขวดค่าไปรษณีย์ค่าเสียเวลา200 ไม่รู้ว่าใครคือผมผมสบายปิดทองหลังพระนวย” ต่อมาหญิงสาวรายดังกล่าวยังได้โพสต์ยืนยันอีกว่าเหตุการณ์เป็นเรื่องจริงโดยอ้างว่าสามารถติดต่อ “นวย” ทางโทรศัพท์ได้จนมีเสียงเรียกร้องจากชาวเน็ตให้พา”นวย” มาปรากฏตัวต่อสาธารณชนเพื่อคลายข้อสงสัยว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
คืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา11.30 น. วันที่21 มิ.ย. ที่บก.ปอท. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ดีพอรองผบก.ปอท. ฐานะโฆษกบก.ปอท. กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่าประชาชนหลายท่านอาจจะมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องให้ความสำคัญ
ตนขอชี้แจงว่ากรณีนี้เป็นการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และเป็นเหตุให้สังคมเกิดความสงสัยสับสนหลงเชื่อว่าน่าจะมีเจตนาซ่อนเร้นบางอย่าง
เรื่องนี้โดยแท้จริงแล้วไม่ใช่เรื่องเล็กซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มีผู้แชร์ข้อมูลกระจายไปในโลกโซเชียลมากกว่า 1 แสนรายอีกทั้งยังมีผู้ร้องเรียนเข้ามาในเว็บไซด์ของ บก.ปอท. เป็นจำนวนมากให้ตรวจสอบโดยทาง พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท. จึงสั่งการให้ทางฝ่ายสืบสวน กก.3 บก.ปอท. ลงพื้นที่ไปตรวจสอบทั้งในส่วนของบุคคลพยานบุคคลและสถานที่ตามที่ระบุไว้ในสื่อโซเชียลคอนโดที่พักไปรษณีย์ที่มีการกล่าวถึง
ทั้งนี้จากการสืบสวนสอบสวนเชิงลึกประมาณ90-100% พบว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงใดๆทั้งสิ้น บก.ปอท. จึงต้องมีการดำเนินคดีกับบุคคลเจ้าของโพสต์ดังกล่าวที่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายซึ่งบัญญัติไว้อย่างชัดเจน
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์กล่าวต่อในส่วนเจตนาของผู้กระทำนั้นยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดทั้งนี้ผู้โพสต์นั้นได้ดำเนินการปิดบัญชีเฟซบุ๊กหลบไปแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บรวบรวมข้อมูลไว้เป็นหลักฐานแล้ว ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนกก.3 บก.ปอท. ได้ออกหมายเรียกเจ้าของโพสต์ผู้กระทำความผิดเข้ามารับทราบข้อหาความผิดพ.ร.บ.คอมพ์ม.14(1)นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ในวันเสาร์ที่ 29 มิ.ย. เวลา10.00 น.
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์กล่าวฝากเตือนคนเล่นโซเชียลว่าการโพสต์ข้อความเพื่ออยากสร้างตัวตนโดยสร้างเรื่องราวที่ไม่เป็นความจริงและทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยจนเกิดความสับสนนั้นเป็นความผิดเพราะฉะนั้นหากทางบก.ปอท. นิ่งนอนใจจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบอย่างแพร่หลายหากเป็นเรื่องดีงามหรือสร้างสรรค์ต่อสังคมควรสนับสนุนหรือนำมาแสดงตัวตนเพื่อให้สังคมได้ชื่นชมยกย่องส่งเสริมคุณงามความดีแต่หากเป็นพฤติการณ์หลอกลวงสร้างเรื่องราวขึ้นมาจนกระทั่งถูกทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาจถูกดำเนินคดีตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯนอกจากนี้ท่านใดพบข่าวสารที่น่าสนใจอย่าเพิ่งรีบแชร์ข้อมูลต่อควรตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัดเสียก่อนมิเช่นนั้นอาจตกเป็นเครื่องมือบุคคลที่สร้างความสับสบวุ่นวายในสังคม
“ยังมีกรณีตัวอย่างก่อนหน้านี้ที่ถูกทางเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันนี้ซึ่งมีอยู่หลายคดีเข่นพ่อค้าขายล็อตเตอรี่ที่โพสต์ว่าเก็บรางวัลที่1 ให้ลูกค้าถึง2 ครั้งจนมีประชาชนเกิดหลงเชื่อในการทำคุณงามความดีจึงพากันแห่ไปซื้อยกแผงทั้งๆที่เรื่องจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย“พ.ต.อ.ศิริวัฒน์กล่าว
สำหรับคดีนี้เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะแจ้งข้อหากระทำความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์พ.ศ.2560 มาตรา14 (1) ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ(1)โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนอันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา