ประเด็นน่าสนใจ
- ก่อนหน้านี้มีเฟซบุ๊กท่านหนึ่ง ซึ่งคาดว่าเป็นอาจารย์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า มหาวิทยาสั่งห้ามมิให้อาจารย์ศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก รัฐศาสตร์จุฬา/และรัฐศาสตร์ธรรมศาสตร์
- ล่าสุดทางมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ยันไม่ได้สั่งห้ามศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยในประเทศไทย เผยมหาวิทยาลัยมีนโยบายส่งเสริมให้อาจารย์ศึกษาต่อต่างประเทศ
สืบเนื่องจาก ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อท่านหนึ่ง ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์สั่งห้ามมิให้อาจารย์ศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก รัฐศาสตร์จุฬาฯ /และรัฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ ล่าสุดวันที่ 22 มิ.ย.2562 ผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวได้โพสต์ข้อความรายงานความคืบหน้าและชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์สั่งห้ามมิให้อาจารย์ศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก รัฐศาสตร์จุฬา/และรัฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ ล่าสุดวันที่ 22 มิ.ย.2562 ผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวได้โพสต์ข้อความรายงานความคืบหน้าและชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า
สืบเนื่องจากกรณีที่ดิฉันโพสต์ผ่านFB. ว่ามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์สั่งห้ามมิให้อาจารย์ศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก รัฐศาสตร์จุฬา/และรัฐศาสตร์ธรรมศาสตร์นั้น ขอนำเรียนว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงเป็นความเข้าใจผิดและตีความคลาดเคลื่อนของดิฉันเอง แท้ที่จริงแล้วมหาวิทยาลัยมีนโยบายส่งเสริมให้อาจารย์ศึกษาต่อต่างประเทศ ตามแถลงการณ์นี้
เรื่องดังกล่าวนี้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อท่านอธิการบดี ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงค์ธัญวงศ์ และต่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ดิฉันจึงกราบขออภัยท่านและขอกราบเรียนมาและนำเรียนให้สังคมทราบโดยทั่วกัน ว่ามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ไม่มีนโยบายดังกล่าวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง “นโยบายการศึกษาต่อระดับปริญญาเอก ของคณาจารย์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์”
เพื่อชี้แจงเรื่องราวที่เฟซบุ๊กดังกล่าวได้โพสต์ในตอนแรกว่า ทางมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ สั่งห้ามมิให้อาจารย์ศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก รัฐศาสตร์จุฬา/และรัฐศาสตร์ธรรมศาสตร์
เนื่องจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์มีวิสัยทัศน์ในการ “ก้าวสู่สากล” และเพื่อเป็นการเสริมสร้างขีด ความสามารถในการแข่งขันของบัณฑิตวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์จึงปรับปรุงโครงสร้างการเรียนการสอน ภาษาอังกฤษใหม่
โดยจัดตั้งสถาบันภาษาเพื่อรับผิดชอบการสอนภาษาอังกฤษในหมวดการศึกษาทั่วไป (General Education) โดยจัดจ้างอาจารย์ชาวต่างประเทศเป็นผู้สอนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๐ และกําหนดให้นักศึกษาทุกคนที่ เข้าเรียนตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖) เป็นต้นไป
ต้องเรียนภาษาอังกฤษ 5 วิซา เป็นเวลา ๒ ปี และเมื่อขึ้นชั้นปีที่ ๒ ทุกวิชาต้องสอนเป็นภาษาอังกฤษ ร้อยละ ๒๕ และขึ้นปี ๓ เป็นต้นไปให้ทุกวิชาสอนเป็นภาษาอังกฤษ ร้อยละ ๕๐ เพื่อให้มั่นใจว่านักศึกษาทุกคนจะได้มีโอกาสในการพัฒนาภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่อง และสามารถใช้ภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อสําเร็จเป็นบัณฑิต
ในการดําเนินการตามนโยบายดังกล่าว จึงต้องมีระบบพัฒนาอาจารย์ผู้สอนให้มีสมรรถนะในการใช้ ภาษาอังกฤษในการสอนด้วย มหาวิทยาลัยจึงได้กําหนดให้อาจารย์ทุกท่านที่มีความต้องการในการพัฒนา ภาษาอังกฤษสําหรับการสอน เข้าโครงการตามที่มหาวิทยาลัยกําหนด
ส่วนท่านอาจารย์ที่มีวุฒิปริญญาโท และต้องการศึกษาต่อระดับปริญญาเอก ทางมหาวิทยาลัยสนับสนุนให้ ไปศึกษาต่อในต่างประเทศ เพื่อจะได้มีความรู้ทั้งด้านวิชาการและความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ
เหตุผลอีกประการหนึ่งในการส่งเสริมอาจารย์ให้ไปศึกษาต่อต่างประเทศ เพราะปัจจุบันมหาวิทยาลัยยังมี สัดส่วนของอาจารย์ที่สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกต่างประเทศน้อยกว่าที่สําเร็จการศึกษาในประเทศ
นอกจากนี้สําหรับสํานักวิชาที่ยังขาดแคลนอาจารย์ เช่น สํานักวิชารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยก็มี นโยบายให้รับบัณฑิตเกียรตินิยมที่สําเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาในประเทศไทย เพื่อให้ทุนไปศึกษาต่อ ระดับปริญญาโทและเอกในต่างประเทศ อีกด้วย
สําหรับนักศึกษาที่สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกในประเทศไทย ก็มีนโยบายให้ไปศึกษาระดับหลัง ปริญญาเอกในต่างประเทศ (Post Doctoral Program) เพื่อเป็นประสบการณ์ทั้งทางวิชาการและการพัฒนาการ ใช้ภาษาไปด้วยพร้อมกัน
ดังนั้น การที่มีผู้ไปโพสต์ข้อความว่า อธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ประกาศไม่ให้อาจารย์ของ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ไปศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยในประเทศไทย โดยระบุชื่อเฉพาะเจาะจงนั้นไม่เป็นความจริง
จึงขอแถลงมาให้ทราบโดยทั่วกัน ณ ที่นี้ และหากพบว่ามีเจตนาที่จะก่อให้เกิดความเสียหายโดยไม่สุจริต มหาวิทยาลัยจําเป็นที่จะต้องดําเนินการตามกฎหมายต่อไป
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
๒๒ มิถุนายน ๒๕๒๒