ประเด็นน่าสนใจ
- ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดอ่านคำพิพากษาคดี 9 แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ชุด MBK39
- กรณีชุมนุมที่สกายวอล์คแยกปทุมวัน หน้า MBK Center เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2561
- ศาลยกฟ้อง โดยศาลได้ตัดสิน ว่าการชุมนุมครั้งนั้นไม่เข้าองค์ประกอบความผิดทั้ง 2 ข้อหา เนื่องจากเรียกร้องเรื่องโดยสงบตามสิทธิ์
วันนี้ (25 ธ.ค. 63) ที่ ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดอ่านคำพิพากษาคดี 9 แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ชุด MBK39 เป็นจำเลยกรณีชุมนุมที่สกายวอล์คแยกปทุมวัน หน้า MBK Center เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2561 ถูกฟ้องในความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ฐานยุยง ปลุกปั่น
โดยมี นายวีระ สมความคิด, นายรังสิมันต์ โรม, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว, น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์, นายอานนท์ นำภา, นายเอกชัย หงส์กังวาน, นายสุกฤษฎ์ เพียรสุวรรณ, นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด เป็นจำเลยรวม 9 คน
เมื่อถึงเวลา นายรังสิมันต์ โรม เดินทางมาถึงศาลพร้อมเปิดเผยว่า การถูกดำเนิน ม.116 ผิดพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ จากกรณีจัดการชุมนุมในระยะ 150 เมตร จากเขตพระราชฐาน ยืนยันว่าการจัดกิจกรรมชุมนุมครั้งนั้น จัดขึ้นบนสกายวอร์ค บริเวณหอศิลป์กรุงเทพมหานคร ซึ่งทางผู้ชุมนุมวัดระยะแล้วว่าเกิน150 เมตรในแนวทะแยง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าต้องวัดแนวระนาบและไม่ถึงระยะ 150 เมตร
อย่างไรก็ตามเจตนาต้องการให้มีการเลือกตั้ง ให้ประเทศไทยกลับสู่นะบอบประชาธิปไตย ไม่ควรจะมีความผิดหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม แต่หากเป็นข่าวร้ายก็ไม่กลัว ต้องรอดูว่าจะเข้าข่ายถูกตัดสิทธิ์ทาง ส.ส.หรือไม่ นอกจากนี้ยังมองว่าเจ้าหน้าที่ใช้ ม. 112 และม. 116 ดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม มองว่าเป็นการตัดตอนทางกระบวนการยุติธรรม
ขณะที่ ศาลพิเคราะห์เห็นว่า การชุมนุมครั้งนี้ แม้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะจัดการชุมนุมและกล่าวปราศรัยให้รัฐบาลจัดการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน แต่ก็ไม่ถึงขนาดกล่าวยุยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบในราชอาณาจักร ประกอบกับไม่ได้เป็นการกระทำที่นอกเหนือกฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนด ดังนั้นแม้ถ้อยคำปราศรัยมีจะมีถ้อยคำไม่สุภาพ ไม่เหมาะสม เกินเลยไปบ้าง แต่ไม่เป็นการยุยงปลุกปั่นจนเกิดความไม่สงบ พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมา จึงมีน้ำหนักไม่เพียงพอรับฟังได้ว่าจำเลยทั้ง 9 คนร่วมกันกระทำความผิด พิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาล
ภายหลังฟังคำพิพากษา นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว เปิดเผยว่า ศาลได้ตัดสินแล้วการชุมนุมครั้งนั้นไม่เข้าองค์ประกอบความผิดทั้ง 2 ข้อหา เนื่องจากเรียกร้องเรื่องโดยสงบตามสิทธิ์ และไม่มีเจตนาเข้าใกล้รั้วพระราชฐาน ขณะที่ตำรวตติดป้ายบอกพิกัดแสดงรัศมีให้ชัดเจน
ทั้งนี้ฝากให้เจ้าหน้าที่รัฐได้ทบทวนบทบาทหน้าที่ว่าจะไล่ฟ้องประชาชนเช่นนี้ต่อไปหรือไม่ เพราะเมื่อเข้าสู่กระบวนการชั้นศาล ศาลจะพิจารณาตามข้อเท็จจริงและยกฟ้องไปในที่สุด ขออย่าใช้กฎหมายเป็นเครืองมือกลั่นแกล้งประชาชนหากไม่เข้าองค์ประกอบความผิด ส่วนอัยการขอให้ใช้ดุลยพินิจอย่างเป็นอิสระโดยแท้จริง
ภาพ : วิชาญ โพธิ