ขสมก. คมนาคม ฝุ่นละออง รถเมล์ รถโดยสาร ไบโอดีเซล B20

คมนาคม สั่ง ขสมก. ใช้ไบโอดีเซล B20 กับรถโดยสารให้แล้วเสร็จ 1 ก.พ.นี้

คมนาคม สั่งการให้ ขสมก. ใช้ไบโอดีเซล B20 กับรถโดยสารให้แล้วเสร็จในวันที่ 1 ก.พ.นี้ เพื่อช่วยลดปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)…

Home / NEWS / คมนาคม สั่ง ขสมก. ใช้ไบโอดีเซล B20 กับรถโดยสารให้แล้วเสร็จ 1 ก.พ.นี้

คมนาคม สั่งการให้ ขสมก. ใช้ไบโอดีเซล B20 กับรถโดยสารให้แล้วเสร็จในวันที่ 1 ก.พ.นี้ เพื่อช่วยลดปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กระทรวงคมนาคม เปลี่ยนมาใช้น้ำมันดีเซล B20 ในรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 2,075 คัน เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำมันปาล์มภายในประเทศ ช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์ม และลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ขสมก. สนับสนุนการใช้น้ำมันปาล์มภายในประเทศตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์มที่ได้รับผลกระทบจากผลผลิตล้นตลาดทำให้มีราคาตกต่ำ ซึ่งกระทรวงคมนาคมและกระทรวงพลังงานได้ร่วมกันดำเนินโครงการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B20 (น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์ม บริสุทธิ์ในสัดส่วน 20%) ในภาคคมนาคมขนส่ง เพื่อเพิ่มโอกาสการนำน้ำมันปาล์มมาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตน้ำมันดีเซล B20

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ขสมก. จึงขยายผลการใช้น้ำมัน B20 กับรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 2,075 คัน แบ่งเป็น 2 ระยะ ดังนี้

ระยะที่ 1 ใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสารธรรมดา ยี่ห้อฮีโน่ และมิตซูบิชิ จำนวน 815 คัน ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2562 ประกอบด้วย

– เขตการเดินรถที่ 1 อู่รังสิต จำนวน 56 คัน

– เขตการเดินรถที่ 2 อู่มีนบุรี และอู่สวนสยาม จำนวน 204 คัน

– เขตการเดินรถที่ 3 อู่เมกาบางนา อู่แพรกษาบ่อดิน และอู่ปู่เจ้าสมิงพราย จำนวน 176 คัน

– เขตการเดินรถที่ 4 อู่คลองเตย และอู่พระราม 9 จำนวน 256 คัน

– เขตการเดินรถที่ 5 อู่แสมดำ และอู่พระประแดง จำนวน 123 คัน

ระยะที่ 2 ใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสารธรรมดา ยี่ห้อมิตซูบิชิ และอีซูซุ รถโดยสารปรับอากาศครีม – น้ำเงิน ยี่ห้ออีซูซุ และฮีโน่ และรถโดยสารปรับอากาศยูโรทู ยี่ห้ออีซูซุ แดวู และเบนซ์ จำนวน 1,260 คัน ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 ประกอบด้วย

– เขตการเดินรถที่ 1 อู่บางเขน จำนวน 122 คัน

– เขตการเดินรถที่ 4 อู่คลองเตย และอู่พระราม 9 จำนวน 79 คัน

– เขตการเดินรถที่ 6 อู่พุทธมณฑล และอู่ไร่ขิง จำนวน 348 คัน

– เขตการเดินรถที่ 7 อู่ท่าอิฐ อู่บางบัวทอง และอู่นครอินทร์ จำนวน 371 คัน

– เขตการเดินรถที่ 8 อู่กำแพงเพชร และอู่สวนสยาม จำนวน 340 คัน

ทั้งนี้เมื่อ ขสมก. เปลี่ยนใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสารทั้ง 2 ระยะ จำนวน 2,075 คัน จะมีปริมาณการใช้น้ำมันเดือนละ 5.5 ล้านลิตร หรือปีละ 66 ล้านลิตร สามารถนำน้ำมันปาล์มมาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตน้ำมันดีเซล B20 ได้ปีละประมาณ 8.58 ล้านลิตร ช่วยลดมลพิษได้ 4% และลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 15%

นอกจากนี้ ขสมก. ได้กำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมการลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ดังนี้

1. ตรวจดูแลรถโดยสารก่อนนำรถออกให้บริการประชาชน โดยห้ามมิให้รถควันดำออกให้บริการประชาชนโดยเด็ดขาด หากตรวจพบจะส่งเข้าซ่อมบำรุงทันที

2. ตรวจวัดควันดำและตรวจวัดความดังของเสียงเครื่องยนต์อย่างต่อเนื่อง เดือนละ 2 ครั้ง

3. กำชับให้พนักงานขับรถโดยสาร ออกรถด้วยเกียร์ 1 ทุกครั้ง

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้เน้นย้ำให้ ขสมก. Set Zero รถโดยสารของ ขสมก. ทุกยี่ห้อ โดยให้เปลี่ยนอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเผาไหม้เชื้อเพลิงของรถ ได้แก่ การเปลี่ยนหม้อพักไอเสีย ไส้กรองอากาศ ไส้กรองน้ำมันดีเซล และไส้กรองน้ำมันเครื่อง

รวมทั้งเตรียมความพร้อมการเปลี่ยนเชื้อเพลิง จากน้ำมันดีเซลมาใช้ไบโอดีเซล B20 ซึ่งเริ่มใช้กับรถโดยสาร จำนวน 2,075 คัน ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 และได้ติดตามการตรวจสอบค่าควันดำ ตามนโยบาย “One Transport ปลอดฝุ่น PM 2.5 คมนาคม รวมใจ ช่วยลดฝุ่น เพื่อความสุข สุขภาพดี ของประชาชน” ซึ่งวัดค่าควันดำได้ประมาณ 4 – 15% ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานของกรมควบคุมมลพิษที่กำหนดให้ไม่เกิน 45%