The Midnight Sky (สัญญาณสงัด) ผลงานกำกับและนำแสดงโดย จอร์จ คลูนีย์ (George Clooney) เป็นเรื่องราวหลังจากหายนะลึกลับที่ทำลายล้างโลกและเผ่าพันธุ์มนุษย์ นักวิทยาศาสตร์ประจำสถานีอาร์กติก (จอร์จ คลูนีย์) พยายามที่จะเตือนนักบินอวกาศที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ในห้วงอวกาศ (เฟลิซิตี โจนส์) และลูกเรือของเธอ ถึงอันตรายในการย้อนกลับมายังโลก ในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญหน้ากับการสูญสิ้นของเผ่าพันธุ์ ความเป็นมนุษย์ได้กระตุ้นให้พวกเขาติดต่อกัน แม้จะอยู่ห่างไกลกันหลายปีแสง เพื่อเชื่อมโยงผู้รอดชีวิตของมนุษยชาติไว้ด้วยกัน
The Midnight Sky ผลงานกำกับและนำแสดงโดย จอร์จ คลูนีย์ (George Clooney)
นอกจาก จอร์จ คลูนีย์ จะนำแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว เขายังรับหน้าที่กำกับภาพยนตร์อีกด้วย และได้ มาร์ค แอล.สมิธ (Mark L. Smith) รับหน้าที่เขียนบท โดยดัดแปลงมาจากนิยายของ ลิลลี่ บรูคส์-ดาลตัน (Lily Brooks-Dalton) เรื่อง Good Morning, Midnight ที่ได้รับรางวัลนิยายแนว Post-Apocalyptic (วรรณกรรมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับโลกหลังภัยพิบัติหรือสงคราม) เมื่อปี 2016
จอร์จ คลูนีย์ เล่าถึงการร่วมงานกับ มาร์ค แอล. สมิธ ผู้เขียนบทว่า “ในฐานะโปรดิวเซอร์ เราอยากทำงานร่วมกับ มาร์ค มาตลอด เขาเป็นคนเขียนบทที่เก่งมาก เมื่อคุณต้องกำกับหนังสักเรื่องหนึ่ง โดยปกติแล้วคุณจะต้องใช้เวลากับหนังเรื่องนั้นประมาณ 2 ปี ดังนั้นคุณจะต้องมั่นใจว่าหนังของคุณมีอะไรบางอย่างที่จะทำให้คุณตื่นเต้นในการทำงานได้ตลอดโปรเจกต์ และสำหรับผมสิ่งนั้นก็คือบทที่ยอดเยี่ยมของมาร์ค”
ส่วน มาร์ค แอล. สมิธ เล่าถึงการทำงานของเขาว่า “สิ่งสำคัญสำหรับผมในการเขียนบท คือเนื้อเรื่องต้องสมเหตุสมผลและมีความเป็นจริง นี่จึงไม่ใช่แค่หนังไซไฟ หรือ หนังแฟนตาซี คาแรคเตอร์ของตัวละครมีความสมจริง และกำลังเผชิญกับปัญหาและรับมือกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้จริง ผมไม่อยากให้เรื่องราวเน้นไปที่เรื่องของเทคโนโลยีมากเกินไป”
นอกจากนั้น มาร์ค ยังพูดถึงตัวละคร ออกัสติน (Augustine) ของ จอร์จ คลูนีย์ ว่า “เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่โดดเดี่ยวและโชคร้ายที่เขาจะต้องมาสัมผัสกับเหตุการณ์ล่มสลายของโลกแบบใกล้ชิด เขาพยายามแก้ไขสิ่งที่ทำผิดพลาด และจุดนี้จะทำให้ผู้ชมรู้สึกเข้าถึงตัวละครของเขา เพราะไม่ว่าใครๆก็ต้องเคยพยายามแก้ไขความความผิดพลาด ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนหรือพูดภาษาอะไร”
จอร์จ คลูนีย์ เล่าถึงการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “เราไปถ่ายทำกันที่ประเทศไอซ์แลนด์ ที่ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของยุโรป โลเคชั่นของเราอยู่ห่างจากเมืองเรคยาวิก เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ออกไปประมาณห้าชั่วโมงครึ่ง ตอนเราไปถ่ายทำที่นั่นเต็มไปด้วยหิมะสีขาวปกคลุมและลมแรงกระหน่ำ ทำให้ภาพที่ออกมาเหมือนกับแถบอาร์กติกอย่างที่เราต้องการ ผมประทับใจกับความสวยงามของธรรมชาติที่นี่มาก แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่ามันอันตรายมากๆเหมือนกัน เราได้รับคำเตือนว่าอย่าเดินออกไปไกล เพราะอาจจะตกหน้าผาได้ เราเลยต้องมีผู้เชี่ยวชาญสถานที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อความปลอดภัย” คลูนีย์ยังเล่าเพิ่มเติมอีกว่า “ในหนังตัวละครของผมอยู่ที่อาร์ติกที่เต็มไปด้วยความหนาวเย็น ที่คุณเห็นน้ำแข็งเกาะที่เคราของผม บอกได้เลยว่ามันเป็นของจริง ผมแค่ใช้วิธีฉีดน้ำไปที่เครา แล้วขับรถสโนว์โมบิลออกไป แค่นั้นน้ำแข็งก็จะเกาะที่เคราของคุณแล้ว ที่จริงผมอายุน้อยกว่าตัวละครของผมค่อนข้างมาก ผมต้องรับบทชายอายุ 70 ปี แต่จากสภาพแวดล้อมและอากาศที่ค่อนข้างรุนแรงมาก ทำให้ผมดูอายุเยอะขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าช่วยมากเลย”
นี่คือผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของ Netflix จาก Smokehouse Pictures บริษัทผลิตภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 โดยจอร์จ คลูนีย์และแกรนท์ เฮสลอฟ โดยเป็นบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากเรื่อง Argo
นอกจากนี้ The Midnight Sky (สัญญาณสงัด) ยังรวบรวมนักแสดงมากฝีมือไว้อีกคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น เฟลิซิตี โจนส์ (Felicity Jones) นักแสดงสาวผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากเรื่อง The Theory of Everything, เดวิด โอเยโลโว (David Oyelowo) ผู้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ จากเรื่อง Selma, ไคล์ แชนด์เลอร์ (Kyle Chandler) เจ้าของรางวัลเอมมี่ อวอร์ด จากเรื่อง Friday Night Lights และ เดเมียน บิเชอร์ (Demián Bichir) ผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากเรื่อง A Better Life ร่วมด้วย ทิฟฟานี บูน (Tiffany Boone)
ติดตามชมหายนะหลังวันสิ้นโลก กับภาพยนตร์ The Midnight Sky (สัญญาณสงัด) ในวันที่ 23 ธันวาคมนี้ ทาง Netflix สามารถรับชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้ ที่นี่