ขึ้นแท่นนางเอกหลังข่าวแบบเต็มตัวไปแล้ว สำหรับสาวหน้าหวาน บัว นลินทิพย์ อีกหนึ่งนักแสดงคุณภาพที่ผ่านงานแสดงมาอย่างโชกโชน แต่ล่าสุดกับบทบาท ‘พราวมุก’ ในละครเรื่อง พราวมุก ส่งเธอขึ้นแท่นเป็นนางเอกละครหลังข่าวแบบเต็มตัว ประกบพระเอกคู่จิ้น ภณ ณวัสน์ ที่เคมีดีต่อใจเหลือเกิน กว่า 10 ปีกับการโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง วันนี้ ‘บัว’ ถือเป็นนางเอกคุณภาพอีกหนึ่งคนของวิก 3 เส้นทางชีวิตในวงการบันเทิงของเธอเป็นยังไง และละครเรื่อง ‘พราวมุก’ น่าติดตามขนาดไหน วันนี้ Gossip Star จะพาทุกคนไปเปิดโลกของสาวสวยที่ชื่อ ‘บัว นลินทิพย์’ กัน!
บัว นลินทิพย์ กับบทบาท พราวมุก
พูดถึงคาแรกเตอร์ พราวมุก หน่อย? : บัวชอบในตัวละคร ‘พราวมุก’ นะคะ เป็นความท้าทายอีกเรื่อง เพราะว่ายากมาก (ยิ้ม) คือมันไม่ง่ายเลยกว่าจะผ่านแต่ละฉาก ถือว่าพลิกคาแรกเตอร์เพราะก่อนหน้านี้บัวจะรับบทสวยหวาน เรียบร้อยมาตลอด แต่เรื่องนี้มันต้องมีความแซ่บ ความเปรี้ยว และความแสบ เป็นดีเจด้วย ต้องมีสกิลในการเอนเตอร์เทนคน ถ้าใครรู้จักบัวจะรู้ว่าสกิลเรื่องดนตรี เรื่องการเต้น บัวจะไม่ค่อยถนัดเลย จะมีปัญหามากๆ (หัวเราะ) ถือว่าเป็นบทบาทที่ต้องไปเรียนรู้เพิ่มเติม แต่ถึงจะยากก็เป็นตัวละครที่บัวรักมากตัวหนึ่งค่ะ
บทดูเบาไปหรือเปล่า ซอฟท์ไปไหม? : จริงๆ ไม่เบานะคะ มันเพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่ EP เพิ่งปูตัวละครเองว่าแต่ละคนเป็นยังไง หลังจากนี้จะเริ่มมีความสนุกเกิดขึ้น มีบุคคลเข้ามาเกี่ยวพันกันมากมาย มีความรักหลายๆ เส้า แฟนเก่ากลับมา รวมถึงการตามหาคนร้าย ในช่วงหลังๆ จะมีความดราม่าเข้มข้น ไม่ซอฟท์เลยค่ะ อยากให้ติดตามไปเรื่อยๆ มันมีความยากและหนักหน่วงอยู่ การเป็นดีเจ ฉากเต้น ฉากเอนเตอร์เทนทั้งหลาย หรือว่าฉากที่ต้องฟาดฟัน ปล้ำอ่อยพระเอก ไม่ธรรมดาเลยค่ะ ไม่เบาเลย (หัวเราะ)
ร่วมงานกับพระเอกคู่จิ้น ภณ ณวัสน์ อีกครั้ง? : ดีใจค่ะ เราเคยทำงานร่วมกันมา เรารู้วิธีการทำงานของทั้งกับ ภณ (ภณ ณวัสน์) และทีมงาน รู้ทางกันอยู่แล้ว ถึงเรื่องนี้จะมีความยากในการถ่ายทำมากกว่าเรื่องก่อน (ตราบาปสีชมพู) แต่อย่างน้อยๆ ยังดีที่เรารู้ทางกัน เพราะเคยร่วมงานกัน มันส่งอารมณ์ได้ง่ายเวลาเข้าฉาก เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ในการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง
พราวมุก คือละครหลังข่าวเรื่องแรกที่บัวเป็นนางเอกเต็มตัว ถือเป็นการรอคอยที่ยาวนานไหม? : คือบัวไม่ได้คาดหวังหรือคิดถึงตรงนั้นมากนัก บัวชอบในอาชีพนี้ รักในอาชีพนี้ รักในการเป็นนักแสดงมากกว่า ซึ่งมีบทอะไรมาให้บัวเล่น บัวตั้งใจเต็มที่ทุกบทบาท ถ้าเราตั้งใจทำเต็มที่ เวลาเรามองย้อนกลับไป เราจะรู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่เราทำ ยอมรับว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่บัวได้มายืนตรงจุดนี้ ดีใจแหละ แต่บัวก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้มายืนตรงจุดนี้ เราแค่ทำเต็มที่ในทุกๆ ผลงานของเรา การได้รับบทแต่ละบทมันคือความท้าทาย เป็นการเพิ่มประสบการณ์ การเป็นนักแสดงมันไม่ได้หยุดที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ต้องเรียนรู้ตลอดเวลาเพื่อพัฒนาตัวเอง มาถึงตรงนี้ได้ถือเป็นโอกาสที่ดีค่ะ ที่คนดูจะได้เห็นผลงานของบัวมากขึ้น
พราวมุก บัว-ภณ ไปถ่ายทำที่เกาหลีอีกแล้ว? : ใช่ค่ะ เหมือนเรื่องก่อนอีกแล้ว (ตราบาปสีชมพู) บรรยากาศใกล้เคียงกันในเรื่องของฤดู แต่การถ่ายทำค่อนข้างแตกต่าง ดูเหมือนเรา 2 คนจะถูกกับเกาหลี (หัวเราะ) คือผู้จัดก็มีสไตล์มีความชอบในกลิ่นอายของเกาหลีอยู่แล้วด้วย ถือว่าเป็นโชคดีของนักแสดงที่ได้ไปถ่ายทำในสถานที่ที่สวยๆ ตอนถ่าย ตราบาปฯ จะค่อนข้างหนักมาก เพราะตัวละครน้อยและเราต้องถ่ายกันทุกซีน แต่สำหรับ พราวมุก ตัวละครเยอะขึ้นค่ะ มีคนช่วยแชร์ให้เราพอได้พักบ้าง ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี บรรยากาศโอเคเลย สิ่งที่ยากในการไปถ่ายละครที่เกาหลีคืออากาศ เพราะว่ามันหนาวมาก ตอนกลางคืนอุณหภูมิเลขตัวเดียว หนาวมากจริงๆ แต่บัวชอบนะ ต่อให้ทำงานหนักแค่ไหนก็ยังชอบ สิ่งที่ชอบในการไปถ่ายทำต่างประเทศคือเราจะได้เห็นความเป็นทีมเวิร์กของทีมงาน ทุกคนจะช่วยกันในทุกๆ หน้าที่ นี่คือสิ่งที่ประทับใจ ต่อให้มันหนักแค่ไหนเรายังมีแรงพอที่จะลุกไปทำงาน เพราะอย่างน้อยๆ ยังได้ไปเห็นบรรยากาศดีๆ เห็นโลเคชั่นสวยๆ
เป็นนางเอกตัวเล็ก ต้องประกบหนุ่มๆ ที่สูงมากถึง 2 คน? : คือเมื่อยคอมาก (หัวเราะ) อย่างภณยังโอเคนะคะ แต่ กระทิง (กระทิง ขุนณรงค์) เป็นผู้ชายที่สูงมาก สงสารทั้งกระทิงและตัวเอง เพราะบัวต้องแหงนหน้า ส่วนกระทิงก็ต้องก้มลงมา มันเมื่อยมากค่ะ เพราะความสูงต่างกันมาก บางทีบัวอยู่ตรงกลางระหว่าง ภณ-ทิง เรากลายเป็นหลุมอากาศไปเลย แต่มันก็เป็นฟีลนางเอกเกาหลีนะ ผู้หญิงตัวเล็กๆ (ยิ้ม)
คาดหวังกับกระแส พราวมุก มากน้อยแค่ไหน? : ไม่คาดหวังเลย ทุกๆ เรื่องที่บัวเล่น บัวตั้งใจเต็มที่ บัวเป็นคนที่ไม่อยากคาดหวังอะไร คิดแค่ว่า ณ ตอนนั้นเราตั้งใจทำเต็มที่ หลังจากนั้นเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้แล้ว อยู่ที่คนดูเป็นคนตัดสิน เราแค่คอยรับฟีดแบกกลับมา ถ้ามันโอเคกระแสตอบรับดี เราก็ชื่นใจหายเหนื่อย มันเป็นความสุขที่ดีกว่าการคาดหวัง หรือถ้าเป็นคำติ มันก็ดีที่อย่างน้อยเราจะได้รู้ว่าเราต้องแก้ไขในจุดไหน คิดแบบนี้ดีกว่าการที่เราคาดหวังแล้วไม่ได้อย่างที่หวัง มันจะทำให้เราเฟลค่ะ
พราวมุก จะต่อยอดให้บัวกลายเป็นนางเอกหลังข่าวไปเรื่อยๆ หรือเปล่า? : ไม่ได้คิดไปถึงขนาดนั้นนะคะ อย่างที่บอกว่าเราทำเต็มที่แล้ว หลังจากนี้มันอยู่ที่คนดู อยู่ที่ผู้ใหญ่ ว่าเขาจะให้โอกาสบัวหรือเปล่า จะให้บัวไปอยู่ในจุดไหน แต่สำหรับบัว บัวรู้สึกว่าตัวเราเต็มที่กับทุกงานที่ได้รับค่ะ
มีบทบาทที่อยากเล่นอีกไหม? : ก่อนหน้านี้อยากเล่นคอมมาดี้ แบบว่าคอมมาดี้จ๋าไปเลย แต่เรื่องล่าสุดที่ถ่ายอยู่ก็ได้เล่นแล้ว รู้สึกว่าสนุก ตอนแรกคิดว่าตัวเองเป็นคนที่เล่นจังหวะคอมมาดี้ให้พอดีได้ยาก ถือว่าเป็นการปลดล็อกว่าเราก็เล่นแบบนี้ได้นะ ส่วนอีกบทบาทที่ไม่เคยเล่นเลยตั้งแต่ทำงานในวงการบันเทิงมาคือ บทพีเรียด อยากลองค่ะ มันน่าจะเป็นอีกบทที่ท้าทายความสามารถของบัว พีเรียดมันยากตรงคำพูด ละครยุคปัจจุบันถ้าเรานึกไม่ออกแต่เราเข้าใจ มันยังสามารถไปต่อได้ แต่ถ้าเป็นพีเรียดแล้วเรานึกภาพไม่ออก เราจะต้องไปต่อยังไง คงต้องทำการบ้านดีๆ สมาธิต้องมีมากๆ รู้สึกว่ามันน่าลอง (ยิ้ม)
บทที่ถนัดและคิดว่าทำได้ดี? : ดราม่าค่ะ รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่อินกับบทดราม่า อย่างบทของ พราวมุก ถ้าเป็นฉากดีเจหรือถ้าต้องเจอกับพระเอก เราจะรู้สึกมีความกังวล แต่ในพาร์ทของดราม่าจะไม่รู้สึกห่วงเลย คือเหมือนถ้าเราเจอคู่เล่นที่ดีที่เขาสามารถส่งอารมณ์ให้เราได้ มันจะไปต่อได้ง่ายมากๆ
ฟีดแบก พราวมุก ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? : ผ่านมาไม่กี่ EP ถือว่าดีมากค่ะ กระแสตอบรับดี ในทวิตเตอร์ก็ติดเทรนด์ รู้สึกหายเหนื่อย มันยังมีไคลแมกซ์ที่น่าติดตามอีกเยอะมาก เรื่องราวจะเริ่มสนุกและเข้มข้นขึ้นหลังจากที่ พราวมุก และ ชลันธร แต่งงานกัน ความสนุกมันจะไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ ความสนุกจะพีคขึ้นเรื่อยๆ ยังไงฝากติดตามเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะคะ
บัว นลินทิพย์ กับเส้นทางสายบันเทิง
จุดเริ่มต้นในแวดวงบันเทิง? : ตอนเด็กๆ มีถ่ายแบบหนังสือบ้างค่ะ แต่ที่คิดจะเข้ามาทำงานในวงการแบบจริงจัง เริ่มตอนเรียนจบ ตอนนั้นบัวเรียนนิเทศฯ สาขา วิทยุ-โทรทัศน์ คือเราชอบตัดต่อ ชอบทำกราฟฟิก แต่พอได้ลองฝึกงานก็รู้สึกว่างานนี้มันดูไม่เหมาะกับผู้หญิง มันเหมาะกับผู้ชายมากกว่า เพราะทำงานไม่เป็นเวลา ต้องกลับดึกอะไรแบบนี้ รู้ตัวเองว่าไม่ชอบทำงานเหมือนเดิมในทุกๆ วัน คิดว่าเราไม่น่าจะเหมาะกับการทำงานประจำ ก็เลยเริ่มคิดว่าจะหาอาชีพอะไรที่เหมาะกับเรา ตอนนั้นเลยลองไปแคสโฆษณา หาโมเดลลิ่งแล้วก็ส่งโปรไฟล์ไป เหมือนโชคดีที่ถูกทักกลับมา นั่นเหมือนเป็นการเริ่มต้นที่จะทำงานจริงจัง ได้โฆษณาเข้ามาเรื่อยๆ เรามีรายได้จากตรงนั้น ซึ่งหลังจากนั้นมี MV ตัวหนึ่งที่บัวไปเล่น แล้วน้องพระเอกที่เล่นด้วยกันเขาถ่ายรูปลง IG ผู้จัดการบัวไปเห็นบัวจาก IG นั้น เลยติดต่อบัว และพาไปเซ็นสัญญากับช่อง 3 หลังจากนั้นมาบัวก็เป็นนักแสดงช่อง 3 มาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งผ่านมาเป็น 10 ปีแล้ว (ยิ้ม)
ก่อนหน้านี้ มีความฝันอะไร? : สมัยเด็กบัวอยากเป็นหมอ แต่พอเริ่มเรียนมัธยมก็รู้สึกว่าการเรียน วิทย์-คณิต ไม่น่าใช่ทาง คุณหมอก็เลยจบไป เป็นความฝันในวัยเด็กเท่านั้น ต่อมาในช่วงที่เรียนมัธยม ช่วงนั้น Hi5 กำลังมา การตกแต่งรูปให้โปรไฟล์สวยมันฮิตมาก ก็เลยเริ่มเรียนรู้ Photoshop ซึ่งมันทำให้รู้ว่าเราชอบงานออกแบบนี่นา ชอบแนวศิลปะ เลยคิดว่าอยากเรียนทางด้านศิลปะ เป็นมัณฑนศิลป์อะไรแบบนี้ แต่ว่าเรารู้ตัวช้าไป กว่าจะรู้คือเรียนอยู่ ม.5 ม.6 แล้ว บวกกับช่วงนั้นเข้ามาทำงานในวงการ มีถ่าย MV บ้างแล้วด้วย เลยตามคนอื่นไม่ทัน อาชีพนั้นเลยจบไปอีก จนได้มาเรียนนิเทศฯ เราก็หาความชอบไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายมาเจอว่าตัวเองไม่อยากทำงานประจำ ชอบทำอะไรใหม่ๆ เรียนรู้คน ซึ่งมาเจอกับอาชีพนักแสดง มันเป็นอาชีพที่ตอบโจทย์บัวมากๆ เลย รักอาชีพนี้ ทุกครั้งที่ไปทำงานเราจะมีความสุข ในแต่ละวันที่ถ่ายละครเราจะได้ไปในโลเคชั่นที่เราไม่เคยไป ได้เป็นตัวละคร เป็นใครที่เราไม่เคยเป็น ได้เจอคนเยอะ บัวสนุกกับอาชีพนี้
ก่อนหน้านี้เคยมีคำว่า ‘นักแสดง’ อยู่ในความคิดบ้างไหม? : ไม่มีเลยค่ะ ตอนนั้นแทบไม่รู้เลยว่าเราจะหาทางเข้ามาในวงการนี้ได้ยังไง หรือเขาทำงานกันยังไง มันเป็นภาพที่เราไม่มีในหัวเลย
เรื่องของค่าตอบแทน มีส่วนสำคัญไหม? : ตอนแรกบัวไม่ได้คิดถึงเรื่องเงินเลยค่ะ คิดแค่ว่าไม่อยากทำงานประจำ แล้วอะไรล่ะที่มันจะสามารถทำเงินให้เราได้ เริ่มแรกลองแคสโฆษณาก่อน พอได้ค่าตอบแทนก็คิดว่า มันได้เงินเยอะดีนะ เริ่มคิดแล้วว่าอาชีพนี้ทำเงินได้ หลังจากนั้นพอได้มาทำจริงๆ จังๆ มันกลับกลายเป็นอาชีพที่เรารัก มันเป็นโอกาสที่ดี เป็นความโชคดีที่บัวได้มาทำตรงนี้ บัวเชื่อว่าทุกคนมีเป้าหมายในชีวิต บัวก็มีเป้าหมายของบัว เป้าหมายที่มองไว้คือการที่ได้ซื้อบ้านให้พ่อ สามารถเลี้ยงดูพ่อแบบที่เขาสามารถอยู่อย่างสุขสบาย และการได้มาทำงานในวงการบันเทิง มันทำให้เป้าหมายของบัวสำเร็จเร็วขึ้นค่ะ
วงการบันเทิง มีเรื่องในบัวเครียดไหม? : มีบ้างค่ะ อย่างเวลาเราเข้าฉากละคร คือนักแสดงหลายๆ ท่าน จะมีซีนที่กากบาทเอาไว้อยู่แล้ว ว่าซีนนี้คือซีนสำคัญของเรื่อง ที่อยากตั้งใจทำให้ดีที่สุด พอตั้งใจหรือคาดหวังมากเกินไปแล้วทำไม่ได้อย่างที่คิด มันจะรู้สึกเฟลว่าทำไมเราถึงเล่นไม่ได้อย่างที่คิด ซึ่งมันเป็นวิธีที่ผิดค่ะ ตัวเราไม่ได้เป็นผู้กำกับ ถ้าผู้กำกับเขามองว่าอันนี้มันโอเคแล้ว ก็คือโอเคแล้ว เราไม่จำเป็นต้องเอาความเฟลของเราไปตัดสินว่าเราทำได้ไม่ดี มันคือการกดดันตัวเอง ซึ่งหลังจากที่บัวรู้ตัวว่ากดดันตัวเอง บัวก็เปลี่ยนความคิด มันจะโอเคขึ้นค่ะ บัวเป็นคนที่ท้อแล้วให้กำลังใจตัวเอง การให้กำลังใจตัวเองเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ เราแค่เรียนรู้และลองทำดู แค่นั้นเอง
บัวเป็นนักแสดงที่ไม่มีข่าวดราม่าเสียหายเลย? เราคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องมีข่าวเสีย (หัวเราะ) ซึ่งมันดีอยู่แล้วกับการที่ไม่มีข่าวเสีย คนมองเราในแง่ดีมันย่อมดีกว่า แต่ว่าในเรื่องของดราม่าหรือไม่ดราม่า มันอยู่ที่มุมมองของแต่ละคน ความคิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราแค่ต้องเข้าใจว่าแต่ละคนโตมาไม่เหมือนกัน วิธีคิดไม่เหมือนกัน เราต้องเคารพในความคิดของเขา
มีอะไรในวงการบันเทิงที่ยังอยากทำอีกไหม? : งานพิธีกรก็น่าสนใจ แต่รู้สึกชอบการเป็นนักแสดงมากกว่า รู้สึกว่าเราเจอสิ่งที่ใช่ เรารักและชอบการเป็นนักแสดงที่สุดแล้ว
อนาคตในวงการบันเทิงของบัว? : ไม่ได้หวังอะไรเลยค่ะ เรารักอาชีพนี้และคิดว่าจะเล่นละครต่อไปเรื่อยๆ มีบ้างที่อยากมองหาช่องทางสร้างรายได้ในหลายๆ ช่องทาง ตั้งแต่เจอสถานการณ์ โควิด-19 มันทำให้เราเริ่มคิดที่จะวางแผนชีวิตในอนาคตมากขึ้น แต่ ณ ตอนนี้ บัวยังรักอาชีพนักแสดงอยู่และอยากทำงานตรงนี้ให้ดีที่สุดไปเรื่อยๆ ค่ะ
- Clothes: Gentle Woman (@ gentlewomanstore)
- Makeup & Hair: แพรว จรัสพิมพ์ อิทธิธนากร (@ wearqpraew)
- Photographer: ต๊ะ ฉัตรชัย ศรีบัวดก (@ chatt.chaii)