คุยแซ่บshow คุยแซ่บโชว์ อ.ยิ่งศักดิ์ อาจารย์ยิ่งศักดิ์

อ.ยิ่งศักดิ์ เหงามาก! โสดนาน 10 ปี คิดปิดกิจการ พิษโควิดขาดทุนกว่า 6 ล้าน

อ.ยิ่งศักดิ์ ครูสอนทำอาหารและพิธีกรฝีปากกล้า เผยผลกระทบวิกฤตโควิด โรงเรียนสอนทำอาหารโดนปิด ขาดทุนกว่า 6 ล้านบาท

Home / Entertainment / อ.ยิ่งศักดิ์ เหงามาก! โสดนาน 10 ปี คิดปิดกิจการ พิษโควิดขาดทุนกว่า 6 ล้าน

อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ ครูสอนทำอาหารและพิธีกรฝีปากกล้า เผยผลกระทบหลังเจอวิกฤตโควิด-19 โรงเรียนสอนทำอาหารโดนปิด ขาดทุนกว่า 6 ล้านบาท สถานะหัวใจโสดมา 10 ปี ในรายการ “คุยแซ่บSHOW” ที่มี หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ และ เป๊กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

โควิดทำกระอัก
อ.ยิ่งศักดิ์ : ก็คงเหมือนคนทั่วไปที่เจอ โรคมันมา ชีวิตความเป็นอยู่ก็เปลี่ยนไป มันเป็นหายนะ เพราะโควิดรอบที่ 1 เราก็ตกอกตกใจ รอบที่ 2 เราก็เสียวไส้ว่ามันมาอีกแล้ว มารอบที่ 3 ก็ฉิบหายวายป่วงหมดเมือง

อ.ยิ่งศักดิ์ : จริงๆ แล้วเราเป็นคนทำงานตลอดเวลา ก็ไปโน่นไปนี่ ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองไปเฉียดโควิดนั้นเป็นหายนะเป็นวิบากกรรมอะไรที่ซวยซ้ำซวยซ้อนมาก คือวันนั้นเราไปทำงานปกติเราก็ไม่คิดอะไร แล้วพิธีกรที่นั่งใกล้ ซึ่งเราก็เข้าใจแล้วเขาก็ออกมาขอโทษแล้ว คือรุ่นน้องมะตูม พอเราไปออกงานเสร็จเราก็กลับ วันรุ่งขึ้นเราไปออกงานกับผู้ใหญ่ มีรัฐมนตรีช่วยกระทรวงศึกษา มีปลัดกระทรวงศึกษา มีรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข และเราก็ไปยืนอยู่กลางงานกระทรวงสาธารณสุข แล้วเราก็สัมผัสกับผู้ใหญ่ในอาทิตย์นั้น 4-5 กระทรวง ท่านทั้งหลายเหล่านั้นเลยต้องพลอยฟ้าพลอยฝนหยุดไปด้วย คือถ้าติดวันนั้น ครึ่งสภาแย่แน่เลย แต่อ.ยิ่งศักดิ์อยากจะบอกว่า ต่อให้หนิงหรือเป๊กกี้เป็น แล้วเราใส่แมส เราดูแลตัวเอง เดี๋ยวก็ฉีดแอลกอฮอลล์ล้างมือ กลับบ้านก็เปลี่ยนเสื้อผ้า คิดว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดถ้าเรารู้จักดูแลตัวเอง

เห็นว่าสุขภาพคุณแม่ไม่ดี ต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ
อ.ยิ่งศักดิ์ : คือใครๆ ก็จะบอกกันว่าไม่จำเป็นอย่าไปโรงพยาบาล เพราะโรงพยาบาลจะมีผู้ป่วยเยอะ ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัวว่าติดโควิดหรือไม่ เพราะฉะนั้นการเข้าโรงพยาบาลจะต้องสัมผัส แต่คุณแม่ของ อ.ยิ่งศักดิ์ นั้นอายุ 92 ท่านต้องฟอกไตวันเว้นวัน แล้วโรงพยาบาลอยู่ใจกลางกรุงเทพ ในขณะที่ลูกต้องขับไปบ้าง น้องสาวต้องขับไปบ้าง ต้องเอาคุณย่าใส่รถอุ้มขึ้นอุ้มลงแล้วนั่งรอ 4-5 ชั่วโมงตอนฟอกไต เพราะระหว่างฟอกไตมันมีกรณีฉุกเฉินเกิดขึ้นได้เสมอ เราก็จำเป็นต้องไป เราก็กลัวคุณแม่จะติดโควิดไหม แต่โรงพยาบาลทุกแห่งเขาก็มีมาตราการดูแลดี ถามว่าคุณแม่กังวลไหม คุณแม่ของ อ.ยิ่งศักดิ์ ใจคอเข้มแข็งมาก นั่งทานข้าวด้วยกัน ท่านก็บอกว่าโรคภัยไข้เจ็บมันก็มา ฉันเจอมาตั้งกี่หนแล้วในชีวิต ท่านก็เล่าว่าสมัยก่อนโรคห่ามา แกไม่รู้หรอก เข้าส้วมแล้วก็ไม่มาเลย ท่านหมายความว่าท้องเสียตายในส้วม แล้วท่านก็ยังบอกตอนฝีดาษระบาด ท่านก็บอกว่ายิ่งแย่ใหญ่เลย เอาแคร่ไปวางไว้ในสวน เอาใบตองปูห่อข้าวแล้วเขวี้ยงให้เขากิน เพราะไม่กล้าไปใกล้ คือแกกลัว แต่เพียงรู้สึกว่าวันนี้ชีวิตเปลี่ยนไป คือเมื่อก่อนบ้านมันห่างกัน แต่เดี๋ยวนี้บ้านมันติดกัน บ้านข้างๆ ไอเปิดหน้าต่างมาเชื้อโรคก็เข้าบ้านเรา อย่างตอนที่เรากักตัว เพื่อนบ้านเขารังเกียจ คือ อ.ยิ่งศักดิ์ เข้าใจว่าคนไทยจำนวนหนึ่ง มีความเข้าใจผิด บางคนก็เยอะ คือถ้าเขาแสดงอาการสนใจเราก็ไม่ว่าอะไร แต่อย่าแสดงอาการรังเกลียจมันจะทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดีกับคนที่เราคุยกัน คนที่รักๆ กันแล้วมาคุยแบบนี้เราก็รับไม่ได้

เห็นว่าโควิดกระทบงานในวงการ
อ.ยิ่งศักดิ์ : ถ้าเป็นงานในวงการบันเทิงมันก็เหลือน้อยลงจนแทบไม่มี คือถ้าไม่มีรายการทำกับข้าวที่ยืนได้คนสองคนในสตู แต่รายการของเราที่ทำ คือ กับข้าวกับปลาก็ซื้อลำบาก ตลาดโน้นก็ปิด ตลาดนี้ก็ปิด พอต้องไปซื้อของในห้าง ของบางอย่างก็มีไม่ครบ ก็เรียกว่าทำกับข้าวลำบาก ส่วนงานพิธีกรก็เกือบไม่เหลือแล้ว อ.เป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่ 3-4 สินค้า ทุกสินค้าก็ชะลอตัวหมด เดือนหนึ่งๆ รายได้ก็หายไปเยอะ

ธุรกิจการสอนก็กระทบ
อ.ยิ่งศักดิ์ : คือเรามีโรงเรียนสอนทำอาหารเป็นระดับมหาวิทยาลัย ในความควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการ เรามีสอนระยะสั้น ยังมีปวช เรียน 3 ปี เรียนต่อปวส 2 ปี ได้อนุปริญญา ทีนี้กระทรวงศึกษาธิการประกาศเพราะโควิดมา เด็กก็ต้องเรียนระบบออนไลน์ ซึ่งมันยาก เพราะวิชาชีพไม่สามารถเรียนผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างมีมาตราฐาน อ.ยิ่งศักดิ์ ขอยืนยัน เพราะฉะนั้นตอนนี้เพื่อไม่ให้เกิดการขาดตอน นักเรียนก็จะเรียนกับครูผ่านออนไลน์ไปบ้าง ให้การบ้านผ่านไลน์กลุ่มบ้าง อันนี้ก็เป็นเพียงแค่ชั่วคราว แต่ อ.ยิ่งศักดิ์ ก็ยังไม่เห็นว่าหลังจากนี้จะต้องใช้ระบบไหน คือมันยังไม่ออกมา ถามว่ามีคนขอค่าเทอมคืนไหม คือค่าเทอมที่เก็บมาอย่าคิดว่า อ.ยิ่งศักดิ์ ได้กำไร บางคนก็บอกว่าลูกไม่ได้ไปเรียน 2-3 เดือนค่าเทอมจะคืนไหม แอร์ก็ไม่ได้เปิด เราก็รู้สึกลำบากใจ เพราะชั่วโมงนี้หากเรามองเรื่องเงินที่จะเอาคืน หรือจะมองความปลอดภัยของลูกหลานของเราที่ไม่ได้มาโรงเรียน คือเราก็อยากเปิดสอน แต่ถ้ามาแล้วติดโควิดจะทำอย่างไร คือเราแค่เลื่อนไป เราไม่ได้หยุดเรื่องการศึกษาคือ เราแค่ขยับช่วงเวลาออกไป อ.ยิ่งศักดิ์ ไม่ได้ตัดแล้วไล่นักเรียนออก โรงเรียนยังคงเปิดอยู่

บอกเลยว่าไม่คืน
อ.ยิ่งศักดิ์ : ถูกค่ะ

แม้โรงเรียนจะปิดแต่บุคลากรในโรงเรียนเราก็ยังเลี้ยงอยู่
อ.ยิ่งศักดิ์ : คืออย่าบอกว่าเลี้ยง แต่เรียกว่าเป็นความรับผิดชอบที่เรามีต่อเขา คือครูแต่ละคนกว่าจะเก่งกว่าจะสอนกับเราได้ เขาก็ต้องรักองค์กรทุ่มเทให้กับเรา คือถ้าโควิดมาแล้วเราให้เขาออกเลย เราทำไม่ได้ รู้ไหมว่าในช่วงโควิดเราไม่เคยตัดเงินพนักงาน เราไม่เคยจ่ายเงินครึ่งเดียว หรือปิดกิจการไปก่อนแล้วอีก 2 เดือนค่อยมาเริ่มทำ

ได้ยินว่าขาดทุนเกือบ 7 ล้านนี่จริงไหม
อ.ยิ่งศักดิ์ : พูดตรงๆ ค่าใช่จ่ายเฉพาะกรุงเทพเดือนหนึ่ง 2 ล้านกว่าบาทหายไปแล้ว เพราะพนักงาน อ.ยิ่งศักดิ์ ที่กรุงเทพมี 50 ที่เชียงใหม่มีไม่ถึง 10 แต่ที่เชียงใหม่บังเอิญอยู่ในห้างสรรพสินค้า ทีนี้ห้างก็ไม่มีคนเข้า แต่ค่าน้ำค่าไฟเราก็ยังต้องจ่าย ที่เชียงใหม่เดือนหนึ่งประมาณ 3 แสนบาท แล้วจ่ายมาโดยไม่มีรายรับมา 16-17 เดือนแล้ว คือมูลค่าที่เอามาลงทุนเราชักทุนของตัวเองออกไปจ่ายสำรองเรื่อยๆ ที่โรงเรียนปิดเราก็ปิดตามคำสั่ง แต่กิจการเราก็ยังเปิดอยู่ เพียงแต่เราไม่สามารถให้นักเรียนมาเรียนได้ ถึงมาได้ก็สอนได้แค่โต๊ะละคน เปิดไปก็ขาดทุนอยู่ดี

หลายคนสงสัยขาดทุนขนาดนี้ไม่คิดจะปิดกิจการบ้างหรือ
อ.ยิ่งศักดิ์ : คือเราคิดว่าเรื่องปิดกิจการมันปิดง่าย ยิ่งเราไม่มีความรับผิดชอบและไม่เอื้ออาทรพนักงานของเรา เราก็ประกาศปิดได้เลย เราก็ไหลตามน้ำแล้วก็อ้างโควิด เราทำอย่างนั้นไม่ลง เราต้องคิดถึงวันที่เขาทำงานกับเรา เขาอยู่กินกับเรา วันหนึ่งที่โควิดมา เราปิดการให้เขาออกไปแล้วเขาจะไปทำอะไรกิน

ตอนนี้ก็ขาดทุนอยู่เดือนละ 2.5 แสน ให้เวลาอีกกี่เดือน
อ.ยิ่งศักดิ์ : ก็กำลังนั่งคิดอยู่ เห็นบอกว่าโควิดตอนนี้ยอดก็ลดลง วัคซีนก็เริ่มแจกจ่ายกันไปบ้างแล้ว และบางประเทศเขาก็เปิดแล้ว บางจังหวัดก็เปิดแล้ว จังหวัดที่มีคนติดไม่เกิน 10 คนก็มีเกิน 50 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี ตอนนี้คนไทยก็เริ่มมีการเรียนรู้ และพวกเราก็เริ่มลุกขึ้นมาสู้ มันทำให้เรามีความหวัง ก็ขอดูสถานการณ์ต่อไปอีก 3 เดือน หลังจากนั้นคงต้องคุยในครอบครัวแล้วว่าอะไรเอาไว้ อะไรต้องปิด

ระหว่างทาง เงินที่จ่ายไปเอาที่ไหนมาจ่าย
อ.ยิ่งศักดิ์ : ขอบอกว่าที่ผ่านมา อ.ยิ่งศักดิ์ เป็นคนขยัน และทำงานมา 40 ปี เริ่มต้นจากเงิน 20000 บาท และเล่นแชร์เดือนละ 2000 ซึ่งเป็นเรื่องในอดีตเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว และ 40 กว่าปีเป็นคนทำงาน 7 วันไม่มีวันหยุด น่าจะต้องมีสตางค์บ้าง ไม่อายที่จะบอกว่าเอาเงินที่เก็บมาค่อนชีวิตไปกอบกู้สถานการณ์ในตอนนี้ แต่ตอนนี้ก็ใกล้หมดแล้ว ที่ผ่านมาเราจะแบ่งเงินไว้ 3 ส่วน ส่วนที่หนึ่งคือใช้ในกิจการ ส่วนที่สองคือกันไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด ส่วนที่สามถือว่าเป็นเงินของครอบครัว จะแตะไม่ได้

ลูกๆ ให้กำลังใจอย่างไรบ้าง
อ.ยิ่งศักดิ์ : ลูก 2 คนก็ลุกมาช่วยงานมากขึ้น มีวันหนึ่งลูกชายก็พูดว่า ถ้าป๊าไม่อยู่แล้วโควิดมาแบบนี้ผมไม่รู้เลยนะว่าผมจะไปต่ออย่างไร พอเราได้ยิน เราเข้าใจเลยว่าเขาตกใจ แล้วเราก็คิดว่าเราจะอยู่เฉยๆ เราจะเกษียณ เราเกษียณไม่ลง เราก็ต้องลุกมาช่วยลูกเพราะกลัวเขาไปไม่ถูก ถามว่าเราน้ำตาตกไหม คือเราเป็นพ่อ ดังนั้นเราจะไม่ร้องไห้ให้ลูกเห็น เวลาที่เรานั่งคนเดียวตอนกลางคืน เรามองสถานการณ์โควิด มองเงินที่ไหลลู่เหมือนทำนบแตก มองดูรายได้ที่ไม่มีเลย แล้วถ้าเราต้องอยู่แบบนี้ไปอีก 3 เดือน 6 เดือน คือถ้าเรารู้ตัวก็จะเป็นอีกอย่างหนี่ง แต่นโยบายภาครัฐไม่เคยให้ความหวัง ให้ความกระจ่าง หรือให้คำแนะนำใดๆ เลยว่าต้องต่อสู้กับโควิดไปอีกนานแค่ไหน คือต่างคนต่างต้องคาดการณ์เองมันยากนะ ในการที่จะดำรงค์ชีวิตในบ้านนี้เมืองนี้ ที่เป็นแบบนี้

เราสร้างกำลังใจให้ตัวเองอย่างไร
อ.ยิ่งศักดิ์ : เอาเป็นว่าเราไม่ได้ทุกข์ระทมแต่เพียงผู้เดียว แต่มันเป็นด้วยกันทั้งโลกใบนี้ และผลที่เกิดขึ้นก็เกิดจากการกระทำของมนุษย์ในโลกใบนี้ คนละเล็กละน้อย มันถึงทำให้โลกเราเป็นแบบนี้ เราท้อได้ แต่เราไม่เคยถอย ชีวิต อ.ยิ่งศักดิ์ สู้ตลอด และเรามั่นใจว่าโควิดจะไปจากแผ่นดินไทยและไปจากทั้งโลก อ.ยิ่งศักดิ์ไม่เชื่อว่าคนทั้งโลกจะสูญพันธุ์เพราะโควิด

อยากบอกอะไรกับลูกบ้าง
อ.ยิ่งศักดิ์ : ก็อยากจะบอกว่าชีวิตเขาเพิ่งจะเริ่มต้น เขาเพิ่งจะ 30 นิดๆ เราก็ปาไปเลข 7 แม่ก็เลข 6 กว่า คุณย่าก็ปาไปเลข 9 แล้ว ก็เป็นได้แค่กำลังใจ และตัวอย่างของความอดทน ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ ท้อได้ แต่เราต้องไม่ถอยนะลูก

ตอนนี้หัวใจเป็นอย่างไรบ้าง
อ.ยิ่งศักดิ์ : ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าเรามีครอบครัว จะไปมีความรักกับคนอื่นได้อย่างไร ไม่ได้เป็นคนหลายใจ ทุกวันนี้ก็อยู่กับลูกอยู่กับครอบครัว อ.ไม่เคยไปไหน ไม่เคยมีใครมาข้องแวะเกาะแกะในชีวิตเลย ด้วยบุคคลิก ท่าทางและอาชีพการงานที่ต้องเจอผู้คน ทุกคนก็รู้ว่าเราพอจะมีเงินบ้าง ไม่ถึงกับอดมื้อกินมื้อ มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีคนเข้ามาในชีวิตบ้าง

แล้วทำไมถึงโสดมากว่า 10ปี
อ.ยิ่งศักดิ์ : คือคนอายุ 70 มันเป็นช่วงที่เรียกว่าเสน่ห์วาย อย่าง อ.ยิ่งศักดิ์ มีอะไรน่าเข้าใกล้ตรงไหน พูดตรงๆ ว่าสัญชาตญาณทางเพศ คนในรุ่นเรา กลิ่นและความรู้สึกในการดึงคนเข้ามามันน้อยลง สิ่งเดียวที่จะดึงคนเข้ามาได้คือเงินที่เขวี้ยงออกไป

แล้ววันนี้มีคนที่เดินเข้ามาไหม
อ.ยิ่งศักดิ์ : ก็มีแบบกุ๊กกิ๊กเล็กๆ เราเข้าใจว่าเขาอาจจะอยากเข้ามาลองของ อย่างเข้ามาในหลังบ้านอินสตาแกรมส่วนตัว ถามว่าพี่อยู่กับใคร แล้วเราก็ตอบเขาไปว่าถามทำไมเหรอ เขาก็บอกว่าเผื่อพี่เหงา แล้วฉันก็ตอบเขาไปเลยว่า ถ้าฉันอยากหายเหงาฉันต้องจ่ายเท่าไหร่ คนที่ถามก็หายไปเลย เพราะเรารู้เท่าทันคน ถามว่าเคยโอนไหมเราไม่เคย แต่ถ้าช่วยเหลือคนอย่าง สามพัน ห้าพัน หมื่นหนึ่ง หรือเป็นแสน ถ้าเรารู้จักและเต็มใจที่จะช่วยเหลือ เราก็ช่วย

ทุกวันนี้มีคนเข้ามาขอความช่วยเหลือเยอะไหม
อ.ยิ่งศักดิ์ : มีเยอะ มียืมสตางค์ ซึ่งแต่ละคนไม่ได้ยืมน้อยๆ นะ ยืมหลักแสนหมดเลย เขาไม่ยืมสามพันห้าพัน แต่ละคนที่เข้ามาสองแสนอัพ แต่อ.ก็ให้ไม่ได้ อ.ได้แต่บอกว่าแต่ก่อนเงิน 2 แสนนี่เรื่องเล็กนะ แต่ตอนนี้เงินในเอทีเอ็มเหลือ 3 หมื่น 5 หมื่นก็ดีใจจะตายแล้ว แล้วก็ใช้จ่ายเงินแบบคิดแล้วคิดอีก

แล้วตอนนี้มีปลื้มใครบ้างไหม
อ.ยิ่งศักดิ์ : อาจจะมีบ้างที่ปลื้มคนโน้นคนนี้ มันเป็นเรื่องปกติ เพราะเรานั่งในโซเชียลก็ส่องแอปโน้นแอปนี้ ว่าหน้าตาเด็กรุ่นนี้ทำไมเก๋จัง คือมันก็ไม่ผิด ถ้าเราจะเข้าไปในแอปหาคู่ซึ่งเป็นเรื่องปกติ คือมันมีแอปสนุกสนานอะไรเราต้องเข้าไปให้หมด เพราะมันเป็นสิ่งที่พึงรู้ คือเราเข้าไปเพื่อรู้ถึงวิวัฒนาการของคนรุ่นหลัง ถ้าเราอยากจะอยู่กับอนาคต เราต้องอยู่กับเด็กที่เขาเป็นปัจจุบัน ที่เราเข้าไปก็เพื่อการเรียนรู้

แล้วตอนเข้าไปเราใช้รูปจริงไหม
อ.ยิ่งศักดิ์ : รูปจริง ตัวจริง น้องยิ่ง ยิ่งศักดิ์ ไม่เห็นต้องไปแคร์อะไร คือชอบใช้คำว่าน้องยิ่งมันดูเป็นกันเอง แต่คนที่ทักตอบเขาเรียกฉันว่าอาจารย์ยาย เราก็สนุกขำๆ ก็เป็นความบันเทิงในจิตใจ พอกรุบกริบ ลูกก็เห็นหมด เวลาเราไปทำอะไรกับใครในแพทฟอร์มของเฟสบุ๊ค เพราะ อ.ยิ่งศักดิ์ เป็นคนไม่ปิด แล้วทุกคนก็จะรู้ว่าวันๆ หนึ่งเราคบใครเราคุยกับใคร การเปิดเผยเป็นสิ่งที่ดีที่สุด พอเราปิดเราหลบเราซ่อนกับคนที่บ้าน อันตรายถึงชีวิตจะมาถึงตัว

เห็นว่ามีรายการไปถ่ายที่บ้าน ผ่านไป 1 วันก็มีโจรขึ้นบ้าน
อ.ยิ่งศักดิ์ : เรียกว่าเขามาเยี่ยมบ้าน แล้วเราก็เปิดบ้านให้ดู คือเรามีบ้านหลายหลังมาก บ้านหลังหนึ่งจะแต่งเป็นจีน หลังหนึ่งแต่งเป็นยุโรป ซึ่งเป็นหลังเล็กๆ แต่เราจะใส่ใจในทุกรายละเอียดมาก ซึ่งเราเป็นคนละเอียดและปราณีตเรื่องการจัดบ้านมาก ก็ดำเนินรายการด้วยดี แต่พอผ่านไปหนึ่งวัน บ้านก็โดนงัดเยินไปเลย เพราะข้างบ้านมีก่อสร้าง เขาเข้าทางหลังคาทะลุฝ้าแล้วออกทางประตูสวยๆ แล้วเครื่องเสียงแสนกว่าก็หายไป แต่คงเอาไปไม่ครบเพราะเห็นถอดสายลำโพงกระจุยกระจาย ตั้งแต่นั้นมาขอบอกผ่านตรงนี้เลยว่า งดเยี่ยมบ้านน้องยิ่งนะ ไม่กล้าเปิดบ้านแล้ว เพราะได้ค่าถ่ายรายการไม่พอค่าซ่อมหลังคา ถามว่าจับได้ไหมจะไปจับอย่างไร คนต่างชาติทั้งนั้น ถามว่านอกจากเครื่องเสียงแล้วมีอะไรหายไปอีก ก็นอกจากเครื่องเสียงแล้วก็มีของกระจุกกระจิก เพราะปกติจะไม่เก็บเงินทองในบ้านที่ไม่มีคนอยู่ มูลค่าที่โดนไปก็ 2 แสนกว่าบาท คือเราก็ไม่รู้ว่าเขาเอาไปแล้วเขาจะรู้มูลค่าหรือเปล่า

ติดตามชมคำสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการ “คุยแซ่บShow” ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.40-14.40 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama