Move to Heaven ซีรีส์เกาหลี

Move to Heaven ซีรีส์เกาหลีถ่ายทอดเรื่องราวที่งดงาม ความหมายของการมีชีวิต

Move to Heaven ซีรีส์เกาหลี ถ่ายทอดเรื่องราวความอบอุ่นสู่หัวใจ เส้นทางชีวิตของ ฮันกือรู เด็กหนุ่มที่มีอาการแอสเพอร์เกอร์กับการทำงานเป็นพนักงานเก็บกวาดที่เกิดเหตุหลังความตาย

Home / Entertainment / Move to Heaven ซีรีส์เกาหลีถ่ายทอดเรื่องราวที่งดงาม ความหมายของการมีชีวิต

Move to Heaven ซีรีส์เกาหลี ถ่ายทอดเรื่องราวที่จะนำความอบอุ่นสู่หัวใจคุณผู้ชม ติดตามเส้นทางชีวิตของ ฮันกือรู เด็กหนุ่มที่มีอาการแอสเพอร์เกอร์กับการทำงานเป็นพนักงานเก็บกวาดที่เกิดเหตุหลังความตายและผู้ปกครองของเขา โจซังกู ที่เล่าเรื่องราวที่ไม่มีโอกาสจะถ่ายทอดออกมาของผู้ที่จากไปในระหว่างขั้นตอนการเก็บกวาดของส่วนตัวของผู้ที่ล่วงลับไป

Move to Heaven ซีรีส์เกาหลีที่จะนำความอบอุ่นสู่หัวใจของคุณผู้ชม

เส้นทางชีวิตของ ฮันกือรู เด็กหนุ่มที่มีอาการแอสเพอร์เกอร์กับการทำงานเป็นพนักงานเก็บกวาดที่เกิดเหตุหลังความตาย

Move to Heaven

1.แรงบันดาลใจอันอบอุ่นหัวใจและจริงใจอย่างที่สุด

แรงบันดาลใจสำหรับผลงานซีรีส์ อบอุ่นหัวใจและจริงใจอย่างที่สุดเกิดจาก ผู้เขียนบทยุนจีรยอน เธอบังเอิญเจอบทความรวมเล่ม Things Left Behind (สิ่งที่ทิ้งไว้ข้างหลัง) เขียนโดย คิมแซบยอล ประธานกรรมการบริหารธุรกิจเก็บกวาดที่เกิดเหตุหลังความตาย ในช่วงที่เธอกำลังค้นหาหนังสือเกี่ยวกับความตายและความโศกเศร้า ยุนเริ่มเขียนบทด้วยความประสงค์ที่จะถ่ายทอดการส่งมอบและให้เกียรติผู้ที่จากไปด้วยการดูแลสิ่งของที่พวกเขาเคยมีไว้เป็นต่างหน้าเพื่อให้คนอื่นรับรู้ว่าพวกเขาได้“ทำดีที่สุดแล้ว” กับการปล่อยวางความเจ็บปวดและภาระที่เคยมีไว้บนโลกใบนี้

จากการค้นคว้าเกี่ยวกับผู้ที่ทำอาชีพนี้ยุนได้ศึกษาเคสนอกประเทศเกาหลีที่ครอบคลุมทั้งอเมริกา ญี่ปุ่นและเข้าไปติดตามการทำงานของพนักงานเก็บกวาดที่เกิดเหตุในสถานที่ทำงานเพื่อเก็บอารมณ์ต่างๆ ที่เธอรู้สึกและเข้าถึงประสบการณ์ในการรับรู้ราวกับ “สิ่งของนับไม่ถ้วนของผู้ที่จากไป แต่ละชิ้นล้วนกำลังพูดคุยกับเรา” ซีอีโอคิมแซบยอลได้ช่วยผู้เขียนบทยุนในหลายๆ ด้านในช่วงที่เธออยู่ในขั้นตอนในการค้นคว้าเขียนซีรีส์นี้ โดยเขากล่าวว่าเขารู้สึกดีใจที่มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับผู้ที่ทำงานสายนี้และมีการหยิบยกถึงบุคคลต่างๆที่คนทำงานด้านนี้ได้พบเจอได้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นซีรีส์ “ผมคิดว่าซีรีส์นี้จะชวนให้ผู้ชมหลายๆ คนได้เรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพของการเป็นผู้เก็บกวาดที่เกิดเหตุ ตระหนักถึงการจากไปอย่างโดดเดี่ยวและสามารถเป็นเสียงให้กับผู้ที่จากไปอย่างเดียวดาย” ผู้กำกับคิมซองโฮกล่าวว่า “ผมรู้เลยว่าผมจะสามารถหาเรื่องราวที่น่าสนใจและเรื่องดราม่าในอาชีพของการเป็นคนเก็บกวาดที่เกิดเหตุได้” โดยเขาได้เข้าร่วมงานโปรเจ็คในฐานะผู้กำกับเพื่อช่วยถ่ายทอดเรื่องราวที่จริงใจผ่านบทของยุนให้เป็นซีรีส์ที่มีสมจริงได้อย่างจับใจ “Move to Heaven เป็นซีรีส์ที่อบอุ่นที่จะสามารถเยียวยาและเข้าถึงผู้ชมได้ทั่วโลก” ผู้กำกับกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่ามีเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผู้ชมรออยู่ในซีรีส์นี้ที่การันตีว่าจะกระตุกหัวใจของผู้ชมในฤดูใบไม้ผลินี้

2.อีเจฮุน X ทังจุนซัง X ฮงซึงฮี เล่าถึงการสื่ออารมณ์ความรู้สึกที่ลึกซึ้ง

Move to Heaven รวมตัวเหล่านักแสดงรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพอย่าง อีเจฮุน นักแสดงที่ไม่เคยพลาดที่จะสร้างความประทับใจกับผู้ชม ทังจุนซัง นักแสดงดาวรุ่งที่มีประสบการณ์การแสดงกว่า 11 ปี และ ฮงซึงฮี ที่มีความสดใสร่าเริงดึงดูดคน “มันมหัศจรรย์มากที่เรื่องราวต่างๆในบทเข้าถึงตัวเราเองมากๆถึงแม้ผมจะไม่ได้ผ่านประสบการณ์นี้ด้วยตัวเองแต่บททำให้ผมน้ำตาไหลไม่หยุดเลย” อีเจฮุนเผยถึงเหตุผลที่เขาตอบรับบทแสดงในเรื่อง Move to Heaven เรื่องที่อบอุ่นหัวใจท่ามกลางเรื่องราวที่มีความยั่วยุและปลุกปั่น ทังจุนซัง รับบทเป็น ฮันกือรู ในซีรีส์ ก็เห็นด้วยสอดคล้องกับอีเจฮุนถึงประสบการณ์การอ่านบทครั้งแรกที่สะเทือนอารมณ์ “ผมอ่านบท 10 ตอนจบในทีเดียวเลยครับ ผมไม่อยากขัดจังหวะความรู้สึกต่างๆของเรื่องที่น่าดึงดูดและซึ้ง ผมร้องไห้เยอะมากกับการอ่านบทนี้ ผมจึงอยากช่วยทำให้ผู้ชมเข้าถึงความรู้สึกเดียวกับที่ผมได้รับครับ”

อีเจฮุนและทังจุนซังต่างพลิกบทบาทตนเองในการสร้างความสมดุลที่ลงตัวให้กับตัวละคร การเป็นโจซังกูผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพราะอดีตที่แสนเจ็บปวด ส่วนฮันกือรูต้องดำเนินชีวิตไปกับอาการแอสเพอร์เกอร์ แม้ซังกูจะมีอคติเกี่ยวกับการเก็บกวาดและขนย้ายหลังความตายแต่เขาก็ค่อยๆเปลี่ยนทัศนคติต่องานและต่อโลกนี้ ตัวละครกือรูสร้างความซึ้งจับใจผู้ชมผ่านความใสซื่อบริสุทธิ์และความนิ่งสงบในการรื้อฟื้นเรื่องราวที่เศร้าบีบหัวใจกับความตายของผู้ที่ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม “ฝีมือการแสดงของอีเจฮุนไม่มีขอบเขตและไร้การเทียบเคียงได้เลยสำหรับกับการถ่ายทอดอารมณ์หลายมิติของตัวละครเขาและมีพลังในการนำเสนอความรู้สึกของตัวเองได้อย่างเต็มที่” ผู้กำกับคิมซองโฮกล่าวถึงการแสดงของอีเจฮุนที่ถ่ายทอดอารมณ์อย่างมีชั้นเชิงเพื่อให้ผู้ชมได้มีอารมณ์ร่วม ทั้งนี้ผู้กำกับคิมยังชื่มชมทังจุนซังในการถ่ายทอดสื่ออารมณ์ตัวละครกือรูได้อย่างครบถ้วนด้วยสายตาและสีหน้าที่เรียบเฉยที่แทบไม่ต่างจากอารมณ์ที่เขารู้สึกในใจ “ผมไม่สามารถลืมสายตาและออร่าที่ทังจุนซังเท่านั้นที่ทำได้” ผู้กำกับพูดถึงการแสดงของฮงซึงฮีในบทของนามู ผู้สังเกตุเห็นความสัมพันธ์ระหว่างซังกูและกือรูว่า “ผมชอบความร่าเริงและพลังบวกแบบสุดๆที่มีแค่ฮงซึงฮีเท่านั้นที่สามารถถ่ายทอดผ่านหน้าจอได้” และสะกดผู้ชมให้อยากติดตามตัวละครของเธอที่จะเติมพลังให้กับเรื่องราวนี้ “นี่คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนธรรมดาที่ดำรงชีวิตในวิถีของเขาเอง ฉันหวังว่าจะทำให้รู้สึกอุ่นและสบายหัวใจคุณ” ฮงซึงฮีกล่าวทิ้งท้ายเพื่อเชิญชวนให้ผู้ชมทบทวนความคิดและมุมมองต่างๆ ผ่านสายตาของนามูที่ไม่มีอคติต่ออาการผิดปกติของกือรูหรือต่ออาชีพของการเป็นผู้เก็บกวาดที่เกิดเหตุ

3.แนะนำ นักแสดงและตัวละคร

“ตัวใครตัวมันนะ ใครกันแน่ที่ต้องดูแลใคร? คุณโง่ที่เชื่อในเรื่องไร้สาระแบบนั้น”

อีแจฮุน รับบท โจซังกู

โจซังกู อาของกือรือและผู้ปกครอง เขาเพิ่งถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำและหวนกลับเข้าสู่สังคมภายนอก เขาอาสาที่จะเป็นผู้ปกครองของกือรือเพื่อแลกกับการได้เงิน แต่การจะได้เป็นผู้ปกครองอย่างเป็นทางการเขาต้องใช้ชีวิตอยู่กับกือรูเป็นเวลาสามเดือนและทำงานในบริษัทมูฟทูเฮฟเวน ผิดกับกือรูที่คอยทำให้ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ซังกูกลับทำให้ทุกอย่างยุ่งเหยิงไม่ว่าจะไปที่ไหนและทำตามใจตัวเองจนสร้างความขัดแย้งอย่างมากระหว่างสองคนนี้ แต่เขาค่อยๆเปลี่ยนหลังเขาเรียนรู้ถึงความใส่ใจของกือรูในการเป็นผู้เก็บกวาดที่เกิดเหตุ

หลังจาก  โจซังกู กวาดรางวัลมา 6 รางวัลสำหรับรางวัลนักแสดงใหม่ยอดเยี่ยมจาก Grand Bell Awards และ Blue Dragon Awards สำหรับการแสดงเรื่อง Bleak Night อีเจฮุนได้สร้างผลงานโดดเด่นอย่างต่อเนื่องทั้งในหนังฟอร์มใหญ่และเล็ก เช่น The Front Line Architecture 101, My Paparotti Phantom Detective Anarchist from Colony และ I Can Speak และผลงานทีวีซีรีส์ อย่าง Taxi Driver Signal และ Tomorrow, With You กับการที่ได้เล่นเป็นตัวละครต่างๆ อย่างโดดเด่นในงานแสดงหลายประเภท ครั้งนี้อีเจฮุนกลับมาในบทบาทของซังกูที่อยู่ๆ ต้องเข้ามาดำเนินการจัดการบริษัทเก็บกวาดที่เกิดเหตุ“มูฟทูเฮฟเวน” กับหลานของเขาที่เพิ่งรู้จักกัน ผู้เขียนบทยุนจีรยอนกล่าวไว้ว่า “ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมากที่เห็นเขาไม่เพียงแค่ใส่ใจในตัวละครซังกูของเขา แต่เขาแสดงความรักและความรับผิดชอบต่อการทำงานให้กับทั้งซีรีส์นี้” อีเจฮุนแสดงได้อย่างละเอียดและสมจริงกับการเปลี่ยนแปลงในตัวของซังกูกับด้านความคิดในแง่ร้ายต่อโลกใบนี้และอคติต่ออาชีพเก็บกวาดที่เกิดเหตุ ในระหว่างที่เขาต้องอยู่กับกือรู

“มีคนบอกผมว่า หากคุณลองมองดูใกล้ๆ สิ่งของเหล่านี้จะบอกเล่าเรื่องราวของผู้ที่จากไป”

ทังจุนซัง รับบท กือรู

ฮันกือรู เด็กหนุ่มวัย20ปีที่มีอาการแอสเปอร์เกอร์ เขาคือพนักงานเก็บกวาดที่เกิดเหตุหลังความตายที่ทำงานให้บริษัทมูฟทูเฮฟเวน แต่เดิมเขาเคยทำงานกับฮันจองอูซึ่งเป็นพ่อของเขา ทว่าการจากไปอย่างกะทันหันของจองอูทำให้เขาต้องเริ่มทำงานกับญาติเพียงคนเดียวที่หลงเหลืออยู่คือซังกูและนามูที่เป็นเพื่อนบ้าน ถึงแม้ว่าเขาต้องดิ้นรนในการแสดงออกทางอารมณ์และสื่อสารกับคนอื่นเนื่องจากอาการแอสเปอร์เกอร์ แต่เขาก็สามารถเข้าใจเรื่องราวที่ถูกทิ้งไว้ของผู้จากไปด้วยพรสวรรค์ในด้านการสังเกตุและความจำเป็นเลิศและได้ถ่ายทอดเรื่องราวของผู้ที่จากไปและส่งสารให้ครอบครัวผู้สูญเสีย คำพูดที่ซื่อตรงและการกระทำต่างๆที่ไม่มีอคติแสดงถึงความจริงใจที่ออกมาจากใบหน้าอันเรียบเฉยของเขา

นับตั้งแต่การเปิดตัว ทังจุนซัง จากละครเวทีเพลงโปรดักชั่นเกาหลีของ Billy Elliot the Musical ในปี 2007 ทังจุนซังได้รับการยอมรับว่าเป็นนักแสดงที่มีความสามารถพิเศษและเป็นที่รักอย่างกว้างขวางจากบรรดาแฟนละครมิวซิคัล จากโปรดักชั่นการแสดงในละครเวทีเพลงเกาหลีอย่าง Elisabeth Seopyeonje Kinky Boots Mozart! และ Les Miserables ตอนนี้เขาพร้อมที่จะก้าวกระโดดเข้ามาสู่อาชีพการแสดงกับเรื่อง Move to Heaven จากการเติบโตในอาชีพการแสดงที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นด้วยการแสดงในเรื่องอย่าง Seven Years of Night และทีวีซีรีส์อย่าง Crash Landing on You ทังจุนซังในครั้งนี้รับบทเป็นกือรู พนักงานเก็บกวาดที่เกิดเหตุที่แม้ว่าจะเข้าสังคมไม่เก่งแต่กลับมีความจริงใจมากกว่าทุกคนในยามที่ต้องดูแลสิ่งของที่ถูกทิ้งไว้เป็นต่างหน้าของผู้จากไป โดยที่ทั้งนักแสดงและผู้กำกับคิมซองโฮมีการพูดคุยอย่างมากเพื่อให้แน่ใจว่าการแสดงในครั้งนี้ไม่ใช่การซ้ำเติมอาการแอสเปอร์เกอร์หรือถูกใช้เป็นเพียงเครื่องมือในการเล่าเรื่องของซีรีส์ แต่ถูกนำเสนอในทิศทางที่เห็นอกเห็นใจและจริงแท้ที่สุด มีความคาดหวังสูงสำหรับบทของทังจุนซังในการถ่ายทอดตัวละครที่มีความบริสุทธิ์และไร้อคตินี้ที่สามารถเห็นเรื่องราวจากสิ่งของที่ถูกทิ้งไว้เป็นของต่างหน้าของผู้จากไปกับการไขความกระจ่างของเรื่องที่ไม่เคยถูกเล่ามาก่อนของพวกเขาด้วยความสามารถพิเศษในการโฟกัสและสังเกตุสิ่งรอบด้าน

ฮงซึงฮี รับบท นามู

เพื่อนบ้านของกือรูที่คอยติดตามเขาทุกฝีก้าว เธอเอาใจใส่กือรูราวกับเป็นสมาชิกครอบครัวของเธอเอง เพราะพวกเขาได้รู้จักกันมากกว่าสิบปีตั้งแต่สมัยยังเด็ก เธอข้องใจในจุดประสงค์ของซังกูที่จู่ๆเข้ามาพัวพันชีวิตของกือรูจึงคอยจับตาดูกือรูและซังกูอย่างใกล้ชิดในนามของทนายความโอ เธอเป็นคนที่ซื่อตรง จิตใจเข้มแข็งและไม่ค่อยเกรงกลัวซังกูที่เป็นคนแข็งกร้าว และพร้อมที่จะเข้าทำงานที่มูฟทูเฮฟเวนกับพวกเขาทั้งสองโดยที่คุณแม่เธอไม่ได้รับรู้ด้วย

หลังจากการแสดงของ ฮงซึงฮี ในทีวีซีรีส์ Navillera ที่เข้าถึงผู้ชมหนุ่มสาวอย่างมากในการไล่ตามความฝันที่มี ฮงซึงฮี รับบทเป็นเพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้ใน Move to Heaven กว่าจะหาแคสติ้งคนที่จะรับบทเป็นนามู ทางทีมโปรดักชั่นต้องสรรหานักแสดงมากฝีมือที่จะสามารถเล่นตัวละครที่มีหลายมิติโดยอาศัยการคัดตัวนักแสดงผ่านการออดิชั่นกว่า 100 นักแสดง และประชุมมากกว่าสิบรอบเพื่อเฟ้นหาคนที่เหมาะที่สุด ฮงซึงฮีสามารถเติมพลังบวกให้กับเรื่องนี้ด้วยจิตวิญญาณที่ร่าเริงของเธอ ในการรับบทเป็นตัวละครนามูที่ทำงานพาร์ทไทม์เป็นนักดำน้ำในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่กือรูชอบไป ฮงซึงฮีถึงกับลงไปเกาะเจจูเพื่อเรียนหลักสูตรดำน้ำ ซึ่งนี่คือสิ่งที่พิสูจน์ถึงความทุ่มเทเพื่อรับบทบาทของเธอนี้ “บางครั้งคุณจะรู้สึกซาบซึ้ง และในบางเวลาสลดใจ นี่คือเรื่องราวที่จะทำให้คุณมีความรู้สึกที่หลายอารมณ์ราวกับการเจอสี่ฤดูกาลในแต่ละปี” ฮงซึงฮีเล่าถึงการแสดงในซีรีส์นี้ที่จะสร้างสีสันให้กับ Move to Heaven ที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้น

** นักแสดงอื่นๆที่ร่วมงานใน Move to Heaven **

ฮันจองอู (จีจินฮี)
พ่อของฮันกือรูและเป็นคนเก็บกวาดที่เกิดเหตุอีกทั้งเป็นเจ้าของบริษัทมูฟทูเฮฟเวนที่รับจ้างเก็บกวาดที่เกิดเหตุ เขาเป็นบุคคลที่มีจิตใจดีและอ่อนโยนผู้สอนกือรูให้คอยสังเกตุอย่างใกล้ชิดถึงเรื่องราวที่ยังไม่ได้ถูกเล่าของผู้ที่จากไป หลังจากทราบถึงสภาวะสุขภาพที่เข้าขั้นวิกฤติเขาเขียนพินัยกรรมขอร้องให้ซังกูน้องชายที่ห่างหายไปจากเขาเป็นผู้ปกครองของกือรู

ซนยูริม (ชเวซูยอง)
เป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่พบเจอกับกือรูและทีมงานของเขาภายหลังจากที่คู่สามีภรรยาสูงวัยที่อยู่ภายใต้การดูแลเสียชีวิตเพียงลำพัง เธอเป็นมืออาชีพที่ทั้งใส่ใจและเห็นอกเห็นใจเรื่องราวของคู่สามีภรรยาที่จากไปราวกับเป็นคนของเธอเอง

คิมซูซอล (อีแจอุค)
นักมวยที่ได้รับการฝึกสอนมวยจากซังกู เขาเคยได้รับความช่วยเหลือจากซังกูในสมัยเขาเป็นหนุ่ม เขาอยู่ในเหตุการณ์ที่ทำให้ซังกูต้องติดคุก

อีจูยอง (ยุนจีเฮ)
พนักงานอัยการที่กองอาชญากรรม 4 แห่งกรุงโซล ที่สำนักงานอัยการภาคใต้ หลังจากไขคดีด้วยความช่วยเหลือจากกือรู เธอให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดถึงความสามารถพิเศษของกือรู

ยุนยองซู & โอมีรัน (จองซูกยง & จุงยองจู)
พ่อแม่ของนามู พวกเขาเปิดธุรกิจ “ไก่ทอดเกาหลีนามู” ซึ่งร้านอยู่ตรงข้ามบ้านของกือรู มีรันไม่เห็นด้วยกับการที่นามูอยู่ข้างกือรูตลอดนับตั้งแต่ครอบครัวของกือรูย้ายเข้ามาในย่านที่พวกเขาอาศัย เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกสาวของเขาติดตามกือรูไปทำงานเก็บกวาดที่เกิดเหตุต่างๆโดยที่มีรันไม่ได้รับรู้ ยองซูยอมปล่อยผ่าน เพราะเชื่อว่าพ่อแม่ไม่สามารถที่จะควบคุมชีวิตลูกๆได้ตลอดไป

พัคจูแท็ก (อีมุนซิก)
ผู้เก็บของหลังจากที่บริการเก็บกวาดที่เกิดเหตุทำงานเสร็จเรียบร้อย เขาเห็นถึงความใส่ใจของกือรูและทีมของเขาทำงานเกี่ยวกับการเก็บกวาดจึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่เคยลังเลที่จะยอมละทิ้งทุกอย่างเพื่อเข้าไปช่วยทีมงานของมูฟทูเฮฟเวน

โอฮยอนจาง (อิมวอนฮี)
ทนายความที่ถูกว่าจ้างโดยจองอู เขาเป็นคนมอบเอกสารพินัยกรรมของจองอูให้กับซังกูและเรียกร้องให้เขาเป็นผู้ปกครองของกือรูเป็นเวลาสามเดือนและดำเนินธุรกิจมูฟทูเฮฟเวนกับกือรู

มาดาม (จองแอยอน)
เธอเปิดบาร์ที่จัดการประลองการต่อสู้ผิดกฎหมายที่ซังกูเคยทำงานให้มาก่อนถูกติดคุก เธอไม่เคยปล่อยซังกูออกจากเงื้อมมือเธอและทำทุกอย่างที่จะนำเขาหวนกลับมาทำงานธุรกิจผิดกฎหมายนี้อีกครั้ง

บทสัมภาษณ์ ยุนจีรยอน ผู้เขียนบท

Q. อะไรคือเกณฑ์ในการรวบรวมประเด็นของสังคมในแต่ละตอน?
มีคนบอกว่าทุกคนล้วนเท่าเทียมกันเวลาตายแต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น ฉันใช้เวลามากพอสมควรในการศึกษาเกี่ยวกับความตายและได้พบข้อสรุปว่าความตายก็ไม่เท่าเทียมเท่ากับการดำรงชีวิตเช่นกันค่ะ การตายที่ต้องใช้บริการเก็บกวาดที่เกิดเหตุสามารถแยกเป็นสองกลุ่มคร่าวๆคือ การเสียชีวิตไปโดยที่ไม่มีสมาชิกครอบครัวหรือเพื่อนในการดูแลจัดการสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ที่จากไปกับกรณีที่การตายมีความรุนแรงจนสมาชิกครอบครัวหรือเพื่อนไม่สามารถเข้ามาเก็บกวาดจุดเกิดเหตุได้ สิ่งที่ทั้งสองกลุ่มนี้มีเหมือนกันคือการตายเหล่านี้มีความโดดเดี่ยว ไม่เป็นธรรม ถูกปล่อยปละละเลย และกะทันหัน การตายทั้งหมดโดยธรรมชาติล้วนเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและปวดใจอย่างยิ่ง การจากไปที่ดีที่สุดที่คนสามารถมีได้คือการจากไปที่ทำให้คุณรู้สึกว่า “ฉันรู้สึกโชคดีที่ได้เคยมีความสุขในห้วงเวลาที่ใช้ชีวิตที่อยู่ในโลกใบนี้” ฉันอยากหยิบยื่นการปลอบประโลมให้กับผู้ที่เผชิญหน้ากับการจากไปที่มีความเดียวดายและไม่เป็นธรรมให้มีน้อยลงหากคนเราสามารถเข้าหาและเผื่อแผ่ให้ผู้อื่นมากยิ่งขึ้นและตระหนักว่าเวลาไม่เคยรอใครค่ะ

Q: ทำไมคุณถึงสร้างตัวละครกือรูให้มีอาการแอสเปอร์เกอร์?

สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับฉันคือการปูความเป็นมาที่ทำให้มีบริษัทเก็บกวาดจุดเกิดเหตุ “มูฟทูเฮฟเวน” ซึ่งถูกปรุงแต่งขึ้นมา การเข้าใจตัวละครอย่างกือรูและซังกูว่าทำไมจองอู ผู้ที่เป็น “แหล่งรวม” ความรู้ของกูรือในด้านเก็บกวาดกับวิถีชีวิตและค่านิยมที่ถูกสอนมา มีบทสำคัญมากขนาดไหนที่ทำให้กือรูมีคุณสมบัติที่จะทำให้เขาอยู่ในเส้นทางของการเก็บกวาดจุดเกิดเหตุต่อที่สวนทางกับอคติและมุมมองแง่ลบของสังคมแม้เขาจะสูญเสียพ่อของเขาไปก็ตาม สิ่งที่กือรูเรียนรู้คือการที่เขาต้องรักษาสัญญาของเขาและเป็นเรื่องธรรมชาติที่เขาจะใช้ชีวิตตามสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มา ตัวเขาอาจจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวังมากของโลกใบนี้ในเชิงของทักษะการอยู่รอดหรือมีความสามารถในการแข่งขัน แต่ในห้วงเวลาที่ฉันถามตัวเองว่าเราดีกว่ากือรูหรือไม่ ในเมื่อเราคิดแต่ผลประโยชน์เข้าตัวเราและทำเพื่อตัวเอง สิ่งที่ชัดสำหรับฉันคือเรื่องราวของ Move to Heaven และกือรูมีความพิเศษค่ะ

Move to Heaven เป็นผลงานออริจินัลซีรีส์เกาหลีโดย Netflix จะมีทั้งหมด 10 อีพี กำกับโดยคิมซองโฮ เขียนบทโดยยุนจีรยอน นำแสดงโดย อีเจฮุน, ทังจุนซัง, ฮงซึงฮี ออกอากาศทาง Netflix ในวันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม 2564 เวลา 14.00 น. พร้อมกันทั้ง 10 อีพี