คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษ เรียนต่อต่างประเทศ

35 คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับการเรียน มหาวิทยาลัยในอเมริกา

เกร็ดความรู้ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับการเรียนมหาวิทยาลัยในอเมริกา ใครมีเป้าหมายจะไปเรียนต่อถือเป็นการเรียนรู้กันไว้ก่อน

Home / CAMPUS / 35 คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับการเรียน มหาวิทยาลัยในอเมริกา

เกร็ดความรู้ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับการเรียนมหาวิทยาลัยในอเมริกา ใครที่กำลังวางแผน มีเป้าหมายจะไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยในอเมริกา ถือเป็นการเตรียมความรู้กันไว้ก่อน จะได้เข้าใจความหมาย ซึ่งแต่ละมหาลัยก็จะมีวัฒนธรรม สังคม ที่แตกต่างกันออกไป สำหรับระบบการศึกษามหาลัยที่อเมริกามีอะไรบ้างลองไปอ่านกันค่ะ

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับการเรียน มหาวิทยาลัยในอเมริกา

  1. Quarter : ภาคเรียนยาวประมาณ 12 สัปดาห์
  2. Semester : ภาคเรียนยาวประมาณ 18 สัปดาห์
  3. Trimester : ภาคเรียนยาวประมาณ 14-16 สัปดาห์
  4. Scantron : กระดาษตรวจข้อสอบสำหรับการสอบ multiple choice
  5. G.P.A. หรือ Grade Point Average : คือมาตรฐานการให้เกรดที่ใช้กันในอเมริกา โดยมีเกณฑ์อยู่ระหว่าง 0.0 – 4.0 โดยที่ 4.0 คือเกรดที่สูงที่สุด
  6. Sorority : การควบคุมความประพฤติสำหรับนักศึกษาหญิงระดับปริญญาตรี
  7. Fraternity : การควบคุมความประพฤติสำหรับนักศึกษาชายระดับปริญญาตรี
  8. Honor Society : การควบคุมเรื่องทุนการศึกษาที่มอบให้กับนักเรียนที่มี G.P.A. สูง
  9. Major : วิชาเอกหรือการศึกษาที่เน้นหนักไปในสาขาใดสาขาหนึ่งในระดับปริญญาตรี นักเรียนจะต้องเลือกเรียนวิชาเอกและเรียนให้จบหลักสูตรฉบับสมบูรณ์เพื่อได้รับปริญญา
  10. Double Major : การเรียนสองหลักสูตรไปพร้อมกัน
  11. Minor : วิชาโท หรือการเรียนที่เน้นเป็นอันดับสองรองจากวิชาเอก ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาและหน่วยกิตที่น้อยกว่าในการเรียนให้ครบหลักสูตร
  12. Class : เป็นคำที่ใช้เรียกแทนคำว่า lecture โดย จะสอนโดย Professor, T.A. รวมถึง guest lecturer
  13. T.A. หรือ Teaching Assistant : คือผู้ช่วยอาจารย์ซึ่งปกติแล้วจะเป็นนักเรียนที่กำลังเรียนอยู่ในระดับปริญญาโท โดยพวกเขาสามารถจะเป็นผู้ที่สอนในห้องเรียน และคอยช่วยเหลือ professorในระหว่างการเรียนการสอน
  14. E : คือเกรดที่ต่ำที่สุด เท่ากับ 0.0ใน G.P.A ซึ่งจะถือว่าเรียนไม่ผ่านและไม่ได้หน่วยกิตใดๆ
  15. Finals, Final หรือ Finals Week : มักจะหมายถึงสัปดาห์สุดท้ายของที่จะปิดเทอม ซึ่งเป็นช่วงที่มีการสอบปลายภาค รวมถึงการกำหนดส่งเรียงความด้วย
  16. Winter Break : ปิดเทอมภาคฤดูหนาว จะประมาณ 2-3 สัปดาห์หลังจากจบภาค fall ซึ่งจะเป็นช่วงคริสต์มาสและปีใหม่พอดี
  17. Spring Break : ปิดเทอมภาคฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งจะเป็นการหยุดสั้นๆเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากจบภาค winter และก่อนที่จะเปิดเทอมใหม่ คือ ภาค spring
  18. Homecoming : เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองจากการเรียนจบในเทอมแรก และยังเป็นช่วงเวลาที่ศิษย์เก่าจะกลับมาและหวนรำลึกถึงวันเก่าๆ ของพวกเขา
  19. Resume : เอกสารใช้ในการสมัครงาน ที่แสดงถึงการศึกษาและทักษะที่จำเป็น
  20. Social Security Number : หมายเลขประกันสังคม โดยชาวอเมริกันทุกคนจะต้องมีเพื่อใช้ในการเสียภาษี ส่วนนักเรียนต่างชาตินั้น จะสามารถขอหมายเลขนี้ได้ เพื่อใช้ในการทำงาน
  21. Freshman : เด็กใหม่หรือนักเรียนปีหนึ่ง
  22. Sophomore : นักเรียนปีสอง
  23. Junior : นักเรียนปีสาม
  24. Senior : นักเรียนปีสี่ ซึ่งกำลังจะเรียนจบ
  25. Professor : อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิที่สอนวิชาต่างๆ ในมหาวิทยาลัย
  26. Advisor : อาจารย์ที่มีคุณสมบัติที่ทำหน้าที่ในการให้คำแนะนำนักเรียนโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิชาเอก, ที่พัก, วิชาที่ควรเรียน รวมถึงปัญหาอื่นๆ มากมาย
  27. Syllabus : เอกสารที่เขียนรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่ได้รับมอบหมาย, วันเวลาในการสอบ รวมถึงสิ่งที่จะได้รับจากการเรียน โดยแต่ละวิชาจะต้องมี Syllabus เป็นของตัวเองโดยจะเขียนขึ้นโดย T.A. หรือ Professor ประจำวิชานั้นๆ
  28. Prerequisite : วิชาบังคับทั่วไป เป็นวิชาที่นักเรียนทุกคนจะเป็นจะต้องเรียนและผ่านก่อน ถึงจะสามารถเข้าเรียนในวิชาเอกต่างๆ ได้ โดยวิชาบังคับเหล่านี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละมหาวิทยาลัย
  29. Paper/Term Paper : คำเรียกของ essay การเขียนรายงานทางวิชาการ
  30. Associate’s Degree : อนุปริญญาที่ใช้เวลาในการเรียนประมาณ 2 ปีและได้จากการเข้าเรียนที่ Community College (วิทยาลัยชุมชน)
  31. Bachelor’s Degree : ปริญญาตรี ใช้เวลาในการเรียน 4 ปี และได้จากการเรียนในมหาวิทยาลัย
  32. Master’s Degree : ปริญญาโท ใช้เวลาในการเรียน 2-4 ปี (ขึ้นอยู่กับสาขาวิชา) และได้จากการเรียนในมหาวิทยาลัย
  33. PhD ย่อมาจาก Doctorate of Philosophy หมายถึง การทำวิจัยเชิงวิชาการ และได้จากการเรียนในมหาวิทยาลัย ส่วนระยะเวลาในการเรียนจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวิชาและสถาบัน
  34. Community College : วิทยาลัยชุมชนที่เน้นการสอนในการทำอาชีพ และไม่ได้มีสภาพแวดล้อมหรือสังคมเหมือนมหาวิทยาลัย
  35. College/University : มหาวิทยาลัย คือ สถาบันการศึกษาสำหรับการเรียนในระดับปริญญาตรีเป็นต้นไป

ภาคการศึกษา

แต่ละมหาวิทยาลัยจะมีภาคเรียนหรือภาคศึกษาที่แตกต่างกันออกไป โดยใน 1 ปีการศึกษา จำเป็นต้องเรียนในรูปแบบหนึ่งรูปแบบใด ใน 3 แบบ ดังนี้

  • 4 ภาคเรียน ประกอบไปด้วย Fall, Winter, Spring และ Summer (โดยภาค Summer เป็นภาคเสริมและถ้าจะเรียนจะต้องเสียค่าเล่าเรียนเพิ่ม)
  • 3 ภาคเรียน หรือ ไตรภาค ประกอบไปด้วย Fall, Winter และ Spring (โดยภาค Summer เป็นภาคเสริมและถ้าจะเรียนจะต้องเสียค่าเล่าเรียนเพิ่ม)
  • 2 ภาคเรียน หรือ ทวิภาค ประกอบไปด้วย Fall และ Spring ส่วนภาค Summer จะมีความยาวแตกต่างกันออกไป โดยเป็นภาคเสริมและถ้าจะเรียนจะต้องเสียค่าเล่าเรียนเพิ่ม

ที่มา: topuniversities, news.stanford.edu, campus