วิธีดูแลผิวให้ห่างไกลจาก สิวใต้หน้ากากอนามัย คำแนะนำจาก ‘ธัญ’ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผิวหนังและความงาม

วิธีดูแลผิวให้ห่างไกลจาก สิวใต้หน้ากากอนามัย คำแนะนำจาก ‘ธัญ’ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผิวหนังและความงาม

Home / PR NEWS / วิธีดูแลผิวให้ห่างไกลจาก สิวใต้หน้ากากอนามัย คำแนะนำจาก ‘ธัญ’ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผิวหนังและความงาม

การป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากเชื้อโรคนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนไม่อาจละเลยได้ในปัจจุบัน การสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งเวลาที่ต้องออกไปสถานที่สาธารณะจึงเป็นสิ่งจำเป็นและขาดไม่ได้ แต่การใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลานั้นมักทำให้เกิดปัญหาที่กระทบต่อสุขภาพผิวโดยที่เราไม่รู้ตัว อาทิ การอับชื้น เกิดการเสียดสีระหว่างผิวกับหน้ากากอนามัย เกิดสิว ผื่นแพ้ เกิดการระคายเคืองและทำร้ายผิวหน้าของเราได้ แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ‘ธัญ’ (THANN) พร้อมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แพทย์หญิงอณัฏฐ์ชา อัศดามงคล ได้แนะนำ “วิธีดูแลผิวให้ห่างไกลจากการเกิดสิวใต้หน้ากากอนามัย” กับผลิตภัณฑ์ ‘เพียวริฟายอิ้ง เฟซ วอช’ (Purifying Face Wash), ‘แอสตริเจนต์ โทนเนอร์’ (Astrigent Toner), ไฮเดรติ้ง อิมัลชั่น (Hydrating Emulsion) และ ‘รีไวทอลไลซิ่ง เฟซ มาส์ก’ (Revitalising Face Mask) โดยมีเซเลบริตี้สาวสวยร่วมเผยวิธีการดูแลสุขภาพผิวหน้าให้แข็งแรงตามแบบฉบับตนเอง อาทิ รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา, พิมพ์พยัพ ศรีกาญจนา และ วิชาดา พูลผล

แพทย์หญิงอณัฏฐ์ชา อัศดามงคล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม ได้แนะนำ “วิธีดูแลผิวให้ห่างไกลจากการเกิดสิวใต้หน้ากากอนามัย” ว่า “ปัจจุบันเราต้องสวมใส่แมสก์อยู่ตลอดเวลาเพื่อป้องกันการติดเชื้อโรค แต่การใส่แมสก์ตลอดเวลานั้นทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง จนทำให้เกิดสิวบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าที่ถูกปิดทับด้วยหน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน สิวที่เกิดจากการใส่หน้ากากนี้เรียกว่า ‘Maskne’ เป็นสิวที่เกิดจากการเสียดสีระหว่างผิวหนังกับหน้ากากอนามัย ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง และเกิดการอุดตันของรูขุมขนจนทำให้เกิดสิว ส่วนใหญ่มักจะเกิดปัญหาบริเวณที่ถูกหน้ากากอนามัยปิดทับ เช่น คาง แนวกราม แก้ม จมูก และรอบปาก ส่วนผู้ที่สวม Face Shield เป็นประจำมักจะพบปัญหาสิวบริเวณหน้าผาก นอกจากปัญหาสิวแล้วยังพบสภาวะโรคผิวหนังอักเสบ (Rosacea) หรือผื่นผิวหนังอักเสบรอบปาก (Perioral dermatitis) ซึ่งเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีหลากหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวใต้หน้ากากอนามัย (Maskne) อาทิ

· การแต่งหน้า (Makeup) ในสภาวะที่ต้องสวมหน้ากากอนามัยยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการอุดตันรูของขุมขนและทำให้เกิดสิวตามมา

· ความชื้น (Humidity) ความร้อนและความชื้นจากลมหายใจที่หมุนเวียนภายในหน้ากากอนามัย รวมถึงความอับชื้นจากเหงื่อ และละอองน้ำลาย ส่งผลให้เกิดสภาวะเสียสมดุลของจุลินทรีย์บนผิวหนัง (microbiome dysbiosis) ทำให้เกิดสิวหรือผิวอักเสบรวมถึงโรคผิวหนังอื่นๆ ตามมา

· ความเย็นและแห้งของอากาศ (Cold, Dry weather) ส่งผลเสียต่อผิว เนื่องจากต่อมไขมันจะหลั่งน้ำมันออกมามากขึ้นเพื่อปกป้องและรักษาความชุ่มชื้นของผิว เมื่อมีการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวจึงทำให้เกิดการรวมตัวกับน้ำมันส่วนเกินและเกิดการอุดตันของรูขุมขน จึงทำให้เกิดสิว

· ความเครียด (Stress) ทำให้ผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) โดยจะไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันบนผิวหนังผลิตน้ำมันออกมาเยอะเกินความจำเป็น หากทำความสะอาดผิวได้ไม่ดีพอ ก็จะทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน จนกลายเป็นสิวอุดตันได้

ปัญหาสิวจากการใส่หน้ากากอนามัยมีความสัมพันธ์กับความแข็งแรงของเกราะปกป้องผิว (Skin Barrier) ซึ่งเป็นผิวหนังขั้นนอกสุด ช่วยปกป้องไม่ให้สิ่งสกปรกหรือสิ่งแปลกปลอมจากภายนอกเข้ามาในชั้นผิว รวมถึงทำหน้าที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ภายในผิว หากเกราะปกป้องผิวเกิดความอ่อนแอ ผิวก็จะไม่แข็งแรง ทำให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง รวมถึงการเกิดผดผื่นและสิวได้ง่าย ดังนั้นเราจึงควรดูแลผิวให้มีความชุ่มชื้นและแข็งแรงอยู่เสมอ ส่วนวิธีป้องกันการเกิดสิวที่เกิดจาการใส่หน้ากากอนามัยนั้น สามารถทำได้โดย

· ควรเปลี่ยนหน้ากากอนามัยบ่อยๆ หรือทำความสะอาดหน้ากากอนามัยแบบผ้าเป็นประจำทุกวัน

· ควรหาเวลาให้ผิวได้ระบายอากาศบ้าง หลังจากใส่หน้ากากอนามัยมาเป็นระยะเวลานาน ถ้าเป็นไปได้อย่างน้อย 10-15 นาที ทุกๆ 4 ชั่วโมง แต่ต้องมั่นใจก่อนว่าเราอยู่คนเดียว หรืออยู่ในพื้นที่ปลอดการติดเชื้อ เช่น ในห้องส่วนตัว ในรถยนต์ส่วนตัว

· งดใช้ผลิตภัณฑ์หรือเครื่องสำอางค์ที่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน หรือควรงดแต่งหน้าบริเวณที่ใส่หน้ากากอนามัย

· การล้างทำความสะอาดผิวหน้าด้วยผลิตภัฑณ์ที่มีความอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ไม่ก่อให้เกิดความแห้งตึงของผิวหลังการล้าง

· เน้นการบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อบางเบา และไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน (Non-comedogenic) ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูสภาพผิวอย่างสารสกัดจากชิโซะ (Shiso), น้ำมันมะพร้าวออแกนิค (Organic coconut oil), สารสกัดจากอูกอน (Ougon extract) เป็นต้น

· การดูแลเรื่องการรับประทานอาหาร ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร งดหรือลดอาหารที่มีรสหวานจัด ในกลุ่มผลิตภัณฑ์นม ช็อกโกแลต ไอศกรีม เพราะส่งผลต่อระดับอินซูลินที่สูงขึ้น ทำให้ต่อมไขมันทำงานหนัก ก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนได้

หากใครที่มีปัญหาการแพ้หน้ากากอนามัยก็ขอแนะนำว่าให้สวมใส่หน้ากากผ้าไว้ด้านในก่อน แล้วค่อยสวมหน้ากากอนามันปิดทับไว้ด้านนอกตรงนี่ก็ช่วยลดอาการแพ้หน้ากากอนามัยได้เป็นอย่างดี”

ธัญ’ (THANN) ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ผสานคุณค่าแห่งพืชพรรณจากแหล่งธรรมชาติชั้นดีทั่วโลกและเทคโนโลยีอันทันสมัย ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา ‘ธัญ’ (THANN) มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ธรรมชาติผสานเทคโนโลยีชั้นนำผ่านการทดสอบจากสถาบันวิจัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลอย่าง Spincontrol Asia Co.,Ltd. (France), Skinnova Lab Co.,Ltd. และ Dermscan Asia อาทิ Dermatological test, Irritation test และ Efficacy test เพื่อยืนยันในคุณภาพและประสิทธิภาพเพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม โดยปัจจุบันมีกว่า 90 สาขา รวมถึงสปาอีก 15 แห่งใน 3 ทวีป ได้แก่ เอเชีย อเมริกา และยุโรป ขอแนะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อุดมด้วยคุณประโยชน์ของสารสกัดจาก “ชิโซะ” (Shiso) ที่มีจำหน่ายในร้านและเคาน์เตอร์ ‘ธัญ’ (THANN) กว่า 100 สาขาในทวีปเอเชีย อเมริกา และยุโรป

นับเป็นเวลาเนิ่นนานกว่าพันปีที่นักพฤกษศาสตร์ชาวเอเชียได้ค้นพบต้น “ชิโซะ” (ชื่อวิทยาศาสตร์ Perilla frutescens var. crispa) พืชตระกูลมิ้นท์มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออก พบได้มากในประเทศญี่ปุ่น สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ท่ามกลางสภาพอากาศที่แห้งแล้ง อีกทั้งยังส่งผ่านความชุ่มชื้นและช่วยให้พืชที่อยู่ล้อมรอบเจริญเติบโตได้อีกด้วย ปัจจุบันชิโซะนอกจากจะกลายเป็นอัญมณีสำหรับวงการศิลปะการทำอาหารของชาวญี่ปุ่นแล้ว ยังเป็นส่วนผสมสำคัญในอาหารแมคโครไบโอติกส์ (Macrobiotics) หรืออาหารคุณภาพเพื่อการดำรงชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีสุขภาพ

ธัญ’ (THANN) ใช้เวลานับพันชั่วโมงในการไขความลับอันน่าอัศจรรย์ของ “ชิโซะ” พืชอัศจรรย์ที่อุดมด้วยสารสำคัญอันมีประโยชน์ อาทิ เช่น โรสแมรินิค แอซิด (Rosemarinic Acid), แอล-เพอริลลาดีไฮด์ (L-Perilladehyde) และฟีนอล คอมพาวด์ (Phenol Compound) โดดเด่นในการให้ความชุ่มชื้น ปกป้องและฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพ อีกทั้งยังเป็นสารแอนตี้ออกซิเดนท์ทรงประสิทธิภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ด้วยสัดส่วนของวิตามิน A (มากกว่าผลกีวีถึง 300 เท่า), วิตามิน C (มากกว่าผลเลมอนถึง 160 เท่า) และวิตามิน E สูง พร้อม วิตามิน B1, B2, B6, K, แร่ธาตุและโปรตีนหลากชนิด นอกจากนี้ในสารสกัดจากชิโซะยังมีคุณสมบัติยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) และด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นของสารสกัดจากชิโซะนำมาผ่านกระบวนการสกัดด้วย “นาโนเทคโนโลยี” ปราศจากการใช้สารเคมีจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ได้อนุภาคขนาดนาโนเมตร (10-9) ทำให้ได้อนุภาคขนาดเล็กสามารถซึมเข้าสู่ชั้นหนังแท้ (Dermis) เกิดประสิทธิภาพการบำรุงอย่างล้ำลึก โดยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับฟื้นฟูสภาพผิวให้สวยสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ ได้แก่

เพียวริฟายอิ้ง เฟซ วอช’ (Purifying Face Wash) ขนาด 200 มล. ราคา 950 บาท ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินได้อย่างหมดจด พร้อมคืนความกระจ่างใสสู่ผิว อุดมด้วยสารสกัดธรรมชาติที่มอบคุณค่าในทำความสะอาดและบำรุงผิว อาทิ น้ำมันมะพร้าวออแกนิค (Organic coconut oil), สารสกัดจากข้าวออแกนิค (Organic rice extract), สารสกัดจากต้นไผ่ (Bamboo extract), สารสกัดวิชฮาเซล (Witch Hazel water) และสารสกัดถั่วเลนทิล (Lentil extract)

‘แอสตริเจนต์ โทนเนอร์’ (Astrigent Toner) ขนาด 135 มล. ราคา 900 บาท โทนเนอร์ช่วยกระชับรูขุมขน และคืนความสมดุลของผิวหลังล้างหน้า มีส่วนผสมจากพืชพรรณธรรมชาติ อาทิ สารสกัดจากใบชิโซะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว และต่อต้านสารอนุมูลอิสระ, โปรตีนและแร่ธาตุสำคัญในสารสกัดจากสาหร่ายช่วยคืนความยืดหยุ่นแก่ผิว, สารสกัดจากชาเชียวช่วยปลอบประโลมผิวให้มีสุขภาพดี และสารสกัดจากยีสต์ ช่วยรักษาสมดุลการทำงานของต่อมไขมันในผิว

‘ไฮเดรติ้ง อิมัลชั่น’ (Hydrating Emulsion) ขนาด 100 มล. ขนาด 1,200 บาท ผลิตภัณฑ์เติมเต็มความชุ่มชื้นสำหรับผิวหน้าสูตรที่พัฒนามาเพื่อแก้ปัญหาผิวขาดน้ำโดยเฉพาะซึมซาบเข้าบำรุงและฟื้นฟูสภาพผิวไม่ทิ้งความมันส่วนเกิน และไม่อุดตันรูขุมขน อุดมด้วยสารสกัดธรรมชาตินานาชนิด อาทิ สารสกัดจากใบชิโซะ (Nano Shiso Extract) เพิ่มความชุ่มชื้นลดการอักเสบและอาการระคายเคืองต่างๆพร้อมปกป้องผิวจากมลภาวะสารสกัดจากต้นไมโรทัมนัส (Myrothamnus Extract) พืชทะเลทรายจากทวีปแอฟริกาใต้ที่ได้รับฉายาต้นไม้คืนชีพเพียงโดนน้ำแค่หยดเดียวก็สามารถฟื้นคืนความมีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง อุดมด้วยสารอาร์บูติน (Arbutin) และโพลีฟีนอล (Polyphenol) เสริมความแข็งแรงให้ผิวเพิ่มความชุ่มชื้นได้ยาวนานถึง 48 ชั่วโมง พร้อมคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์, น้ำมันเมล็ดชาออแกนิค (Organic Camellia Seed Oil) อุดมด้วยวิตามิน A, B, D, E, กรดโอเลอิก, โอเมก้า 3,6,9 และโพลีฟีนอล )Polyphenol) ทำหน้าที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์, น้ำมันสกัดจากถั่วอินคาออแกนิค (OrganicInca Inchi Seed Oil) อุดมด้วยโอเมก้า 3,6,9 ปกป้อง และลดการระคายเคืองของผิวจากแสงแดด, เชีย บัตเตอร์ (Shea butter), โจโจ้บา ออยล์ (Jojoba oil), น้ำมันมะกอก (Olive oil), สารสกัดจากสาหร่ายทะเล (Algin Extract) และ ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera) ฟื้นฟูและปกป้องผิวจากความแห้งกร้าน บำรุงผิวที่อ่อนล้าได้อย่างอ่อนโยน

‘รีไวทอลไลซิ่ง เฟซ มาส์ก’ (Revitalising Face Mask) ราคา 1,090 บาท มาส์กหน้าสูตรเข้มข้นที่รวมคุณค่าจากสารสกัดธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้สว่างใสอย่างไร้ที่ติ มอบความเปล่งประกาย (Luminosity) สู่ผิวถึง 43%* ด้วยส่วนผสมทรงประสิทธิภาพจากธรรมชาตินานาชนิด อาทิ สารสกัดจากผลองุ่น (Grape fruit extract) ปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ, สารสกัดจากรากหม่อน (Mulberry Root extract) ลดเลือนจุดด่างดำและความหมองคล้ำของผิว, สารสกัดจากอูกอน (Ougon extract)และ สารสกัดจากทรีฮาโลส (Trehalose extract) ปกป้องและรักษาสมดุลความชุ่มชื้นของผิว สารสกัดอนุภาคขนาดเล็กจากใบชิโซะ (Nano shiso extract) ลดการอักเสบและอาการระคายเคือง พร้อมคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์

ด้านเซเลบริตี้ต่างร่วมทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ พร้อมเผยเคล็ดลับการดูแลสุขภาพผิวหน้าให้แข็งแรงตามแบบฉบับตนเอง เริ่มที่คุณแม่ยังสวย รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา เผยว่า “แมสก์ถือเป็นอุปกรณ์ป้องกันเชื้อโรคชิ้นสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย ทุกครั้งที่ต้องออกไปข้างนอกก็ต้องสวมใส่แมสก์ตลอด โดยจะเลือกแมสก์ที่มีความกระชับพอดีกับใบหน้า ไม่เล็กหรือหลวมจนเกินไป ไม่ใช้แมสก์ซ้ำ ต้องเปลี่ยนแมสก์ทุกวัน และที่สำคัญไม่ละเลยการดูแลความสะอาดผิวหน้า ใส่ใจในทุกขั้นตอนตั้งแต่การเช็ดล้างเครื่องสำอาง เลือกผลิตภัณฑ์ทำที่จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้อย่างหมดจด เช็ดกระชับรูขุมขนด้วยโทนเนอร์ และบำรุงผิวด้วยไฮเดรติ้ง อิมัลชั่น ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นสำหรับผิวหน้าโดยเฉพาะ นอกจากนั้นทุกสัปดาห์จะฟื้นฟูผิวหน้าด้วยเฟซ มาส์ก สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อปกป้องและรักษาสมดุลความชุ่มชื้นให้กับผิว ผิวจะได้แข็งแรง ไม่แพ้หรือระคายเคืองได้ง่าย”

ถัดมาที่สาวยิ้มหวาน พิมพ์พยัพ ศรีกาญจนา เล่าว่า “ตั้งแต่ต้องใส่หน้ากากทุกครั้งเวลาออกไปข้างนอก เราก็มักจะเจอปัญหาเป็นสิวบริเวณคางและแก้มทั้งสองข้าง เนื่องจากเวลาใส่แมสก์จะเกิดการเสียดสีระหว่างแมสก์กับใบหน้าของเราทำให้เกิดรอยแดง รอยยับบนใบหน้า ยิ่งวันไหนที่ต้องแต่งหน้าสิวก็จะขึ้นง่ายกว่าปกติด้วย วิธีแก้ปัญหาของเราอย่างแรกเลยก็คือต้องไม่เปลี่ยนยี่ห้อหน้ากากอนามัยบ่อยๆ เพราะมีทั้งหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หน้ากากแบบแฟชั่น ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีคุณภาพแตกต่างกัน ถัดมาก็คือการให้ความสำคัญกับการล้างทำความสะอาดผิวหน้า เริ่มจากการคลีนซิ่งเครื่องสำอางออกก่อน หลังจากนั้นก็ล้างหน้าด้วยเฟซ วอช เช็ดกระชับรูขุมขนด้วยโทนเนอร์ และลงครีมบำรุงผิวด้วยไฮเดรติ้ง อิมัลชั่น เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบของสิว และอาการระคายเคืองต่างๆ โดยจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นออแกนิค มีส่วนผสมจากธรรมชาติ จะได้อ่อนโยนต่อผิวไม่ก่อให้เกิดการแพ้ระคายเคือง”

ปิดท้ายที่สาวรักสุขภาพ วิชาดา พูลผล กล่าวว่า “เรามีปัญหาเรื่องแพ้หน้ากากอนามัย ทุกครั้งที่ต้องใส่หน้ากากเวลาออกไปข้างนอก ผดหรือผื่นเล็กๆ จะขึ้นบริเวณรอบๆ ที่ใส่หน้ากากอยู่เสมอ ยิ่งเมื่อต้องใส่หน้ากากเป็นเวลานานๆ จะยิ่งอับชื้นและสิวจะขึ้นง่ายมาก วิธีแก้ปัญหาของเราก็คือหลังกลับจากข้างนอกเมื่อถึงบ้านจะต้องรีบล้างใบหน้าให้สะอาดด้วยเพียวริฟายอิ้ง เฟซ วอช และเช็ดสิ่งสกปรกที่ตกค้างด้วยโทนเนอร์ เพราะผดผื่นที่ขึ้นมานั้นเกิดจากความอับชื้นขณะที่เราใส่หน้ากาก หากเราได้ล้างใบหน้าให้สะอาดผดผื่นก็จะยุบลงตามธรรมชาติ โดยเราจะเลือกเฟซ วอช ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติเป็นหลักอย่างสารสกัดจากชิโซะหรือน้ำมันมะพร้าว เพื่อไม่ให้เกิดสารตกค้างและเกิดการอุดตันรูขุมขน แต่การที่ล้างหน้าให้สะอาดก็มักจะตามมาด้วยอาการผิวตึงซึ่งเราก็ต้องเลือกครีมบำรุงที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นอย่าง ไฮเดรติ้ง อิมัลชั่น ผิวจะได้ไม่แห้งตึงและยังชุ่มชื้นอยู่เสมอ”

ดูแลสุขภาพผิวหน้าให้พร้อมรับมือกับปัญหาสิวจากการใส่หน้ากากอนามัยกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม ‘ชิโซะ คอลเลกชั่น’ (Shiso collection) อาทิ ‘เพียวริฟายอิ้ง เฟซ วอช’ (Purifying Face Wash), ‘แอสตริเจนต์ โทนเนอร์’ (Astrigent Toner), ไฮเดรติ้ง อิมัลชั่น (Hydrating Emulsion) และ ‘รีไวทอลไลซิ่ง เฟซ มาส์ก’ (Revitalising Face Mask) ได้แล้ววันนี้ที่ออนไลน์สโตร์ www.thann.co.th (ส่งฟรีทั่วประเทศ) และร้าน ‘ธัญ’ (THANN) ทั้ง 12 สาขาทั่วประเทศ อาทิ สาขาสุขุมวิท 47, ชั้น 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ชั้น 3 ศูนย์การค้าเกษร, ชั้น 5 ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม, ชั้น 1 และชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน, ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์, ชั้น 4 ไอคอน สยาม, ร้านวูว์ ถนนเจริญราษฎร์ และสาขาถนนพระปกเกล้า (ตรงข้ามวัดเจดีย์หลวง) จังหวัดเชียงใหม่, สาขาป่าตอง (หน้าโรงแรม La Flora ป่าตอง) จังหวัดภูเก็ต และ ธัญ เวลเนส เดสทิเนชั่น จ.พระนครศรีอยุธยา