EV Charging Station High Performance Charging porsche shell ปอร์เช่ มาเลเซีย สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า สิงคโปร์ เชลล์

Porsche – Shell เตรียมเปิดสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงในมาเลเซีย – สิงคโปร์

Porsche Asia Pacific จับมือกับ Shell เปิดตัวเครือข่ายสถานีชาร์จพลังงาน high performance EV ระหว่าวประเทศเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Home / PR NEWS / Porsche – Shell เตรียมเปิดสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงในมาเลเซีย – สิงคโปร์

Porsche Asia Pacific ร่วมมือกับ Shell ประกาศเปิดเครือข่ายสถานีชาร์จพลังงาน high performance charging (HPC) ระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยจุดชาร์จ 12 จุด ผ่านสถานีบริการ 6 แห่งของ Shell วางกลยุทธ์ตำแหน่งสถานีตลอดเส้นทางหลักเหนือจรดใต้ของประเทศมาเลเซีย ยกระดับความสะดวกสบายไร้กังวลตลอดการเดินทางด้วยรถ EV โดยเชื่อมต่อระหว่างประเทศสิงคโปร์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ และปีนัง

พันธมิตรทางธุรกิจทั้ง 2 ฝ่าย ปอร์เช่และเชลล์ ได้ร่วมกันแสดงวิสัยทัศน์ผ่านพันธกิจในการขับเคลื่อนยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เติบโตต่อไปในอนาคต โดยการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ด้วยเส้นทางหลักเชื่อมต่อระหว่าง 2 ประเทศ ทำหน้าที่รองรับกิจกรรมทางธุรกิจระดับนานาชาติจากบริเวณเส้นทางระหว่างอาคาร Sultan Iskandar Building ไปจนถึง Woodlands Checkpoint ซึ่งเป็นเส้นทางในการเดินทางสัญจรที่หนาแน่นที่สุดเส้นทางหนึ่งของโลก

Porsche Destination Charging

ด้วยความร่วมมือของ 2 พันธมิตรทำให้สถานีบริการ Shell 6 แห่ง กำลังจะได้รับการติดตั้งเครื่องชาร์จพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง direct-current (DC) chargers ขนาด 180 กิโลวัตต์ ซึ่งให้ประสิทธิภาพการชาร์จพลังงานสูงสูดทั้งในประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย เครื่องชาร์จดังกล่าวมาพร้อมหัวชาร์จแบบ CCS Type 2 จำนวน 2 หัว สามารถชาร์จพลังงานไฟฟ้าได้ 1 คันที่ระดับพลังงานสูงสุด 180 กิโลวัตต์ หรือชาร์จพร้อมกัน 2 คันที่ระดับพลังงานสูงสุด 90 กิโลวัตต์ต่อคัน

โดยมีโครงการจะขยายเพิ่มจำนวนสถานีบริการ 2 แห่ง ภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 และอีก 2 สถานีภายในครึ่งแรกของปี 2022

สถานีดังกล่าวจะใช้วิธีการผสมผสานกับเครือข่ายสถานีชาร์จพลังงานรูปแบบเดิมที่ Shell ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันประกอบด้วยจุดชาร์จพลังงานแบบเร็วขนาด 50 กิโลวัตต์ 18 จุด ตั้งอยู่ภายในสถานีบริการของ Shell และจุดชาร์จสาธารณะ 87 จุด ในสิงคโปร์ รวมไปถึงจุดชาร์จแบบ“Reserve + Shell Recharge” อีก 18 จุด ในมาเลเซีย

นอกจากนั้นยังได้จัดตั้งบริการเสริมด้วยจุดชาร์จพลังงานประสิทธิภาพสูง high performance chargers ขนาด 175 กิโลวัตต์ ที่ศูนย์บริการ Porsche Centres ทุกแห่งในมาเลเซีย เช่นเดียวกันกับการเพิ่มจำนวนของเครือข่าย “Porsche Destination Charging” ในส่วนของโรงแรมที่พัก สนามบิน สปอร์ตคลับ และจุดนัดพบตามไลฟ์สไตล์ที่ได้รับคัดเลือกในช่วงเวลาที่ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า กำลังเริ่มมีทิศทางการเติบโตเพิ่มขึ้นในประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย

เครือข่ายดังกล่าวคือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้เส้นทางในการเดินทางระหว่าง 2 ประเทศเป็นไปด้วยความราบรื่น สะดวกสบาย และไว้วางใจได้ทันทีที่เปิดใช้งาน สถานีชาร์จจะพร้อมรองรับรถ EVs ทุกประเภท ที่มีช่องชาร์จพลังงานแบบ CCS Type 2 charging connector ซึ่งเป็นที่นิยมในทั้ง 2 ประเทศ โดยลูกค้ารถยนต์ปอร์เช่จะได้รับสิทธิพิเศษในส่วนของค่าใช้จ่าย เมื่อเข้ารับบริการที่สถานีชาร์จพลังงานของ Shell

Porsche Destination Charging

เครื่องชาร์จพลังงานประสิทธิภาพสูงขนาด 180 กิโลวัตต์ ของ Shell สามารถชาร์จพลังงานให้แก่ปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) จากระดับความจุแบตเตอรี่ 0 จนถึง 80% ได้ภายในระยะเวลาประมาณ 30 นาที คิดเป็นระยะทางสูงสุดที่สามารถเดินทางได้ที่ 390 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) นอกจากนี้ Shell ยังได้มอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้แก่ลูกค้าปอร์เช่ อาทิ การสำรองสิทธิใช้งานเครื่องชาร์จ HPC ล่วงหน้า ในประเทศมาเลเซีย โดยผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ สิทธิในการเลือกซื้ออาหารและเครื่องดื่มราคาพิเศษ เมื่อใช้บริการที่ Shell Select shop

Shell มีจุดมุ่งหมายในการขยายจำนวนสถานีชาร์จ EV ทั่วโลก เพิ่มขึ้นเป็น 500,000 สถานี ภายในปี 2025 การจับมือเป็นพันธมิตรร่วมกับปอร์เช่ และองค์กรธุรกิจรายอื่น คือส่วนหนึ่งของกลยุทธ์เร่งการปรับเปลี่ยน เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านพลังงานที่ปราศจากมลพิษ และเป็นทางเลือกอันชาญฉลาดของผู้ขับขี่รถ EV สำหรับการชาร์จพลังงานให้แก่ยานพาหนะไฟฟ้าทั้งภายในที่พักอาศัย สำนักงาน ศูนย์การค้า หรือสถานีบริการ Shell

นักเดินทางหลายพันชีวิต โลดแล่นไปบนเส้นทางระหว่างประเทศสิงคโปร์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ และปีนัง ในทุกสัปดาห์ ก่อนที่จะเกิดวิกฤตการณ์ COVID-19 ซึ่งก่อให้เกิดข้อจำกัดมากมายในการเดินทาง Shell และปอร์เช่ เตรียมพร้อมสรรพเพื่อรอคอยการเปิดเสรีของพรมแดน และโอกาสที่ประชาชนสามารถเดินทางข้ามประเทศทั้ง 2 ด้วยความปลอดภัย และมั่นใจได้อีกครั้ง