สาระน่ารู้เกี่ยวกับครีมกันแดด

สภาพอากาศของประเทศไทยเรานั้น เป็นสภาพอากาศที่มีความร้อนชื้น...

Home / PR NEWS / สาระน่ารู้เกี่ยวกับครีมกันแดด

สภาพอากาศของประเทศไทยเรานั้น เป็นสภาพอากาศที่มีความร้อนชื้น จึงเหมาะสมอย่างมากสำหรับการเจริญเติบโตของพืชพันธุ์ไม้ต่าง ๆ นานาชนิด และด้วยอากาศที่เหมาะสมนี้เอง ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการเพาะปลูกจนทำให้ข้าวหอมมะลิของไทยถูกยกให้เป็นของพรีเมี่ยมที่สามารถทำกำไรได้สูงที่สุดต่อปี แต่ในความโชคดีของประเทศไทยเรานั้น สภาพอากาศที่ร้อนชื้นนี้กลับเป็นสภาพอากาศที่ส่งผลโดยตรงต่อผิวของเรา เนื่องจากความร้อนของอากาศที่มีมากจนทำให้ฤดูร้อนกลายเป็นฤดูที่ยาวนานที่สุด และด้วยความที่อากาศที่ร้อน แดดแรง ส่งผลให้ครีมกันแดดเป็นสินค้าที่มียอดขายสูงมาอย่างต่อเนื่อง

สาว ๆ ส่วนใหญ่ที่ต้องการเดินทางหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะไม่พกพาครีมกันแดดติดตัวก่อนออกจากบ้านอย่างแน่นอน และหลาย ๆ คนนั้น ก็ยังไม่ค่อยมีความรู้ในเรื่องของการเลือกใช้ครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองว่าจะต้องใช้ครีมกันแดดที่มี SPF เท่าไหร่ วันนี้เราจึงอยากรวบรวมความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับครีมกันแดดมาให้ทุกคนได้ทราบไปพร้อม ๆ กันค่ะ 

คนส่วนใหญ่นั้นมีความคิดว่า การที่เราเลือกซื้อครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ หมายถึงเป็นครีมกันแดดที่ดี ความจริงแล้ว SPF ในครีมกันแดดนั้น เป็นค่าที่บ่งบอกความสามารถในการปกป้องผิวของเราจากความไหม้ของรังสี UVB ซึ่งการพิจารณาเลือกครีมกันแดดนั้นควรเลือกให้ตรงตามลักษณะการใช้ชีวิตประจำวันของเรามากกว่าค่ะ 

  • สำหรับ SPF 10-15 เหมาะสำหรับการทำงานในร่ม ที่ไม่ได้รับแสงแดด แต่อาจจะได้รับไอความร้อนจากแดดบ้าง ซึ่งค่า SPF แค่ 10-15 ก็เพียงพอสำหรับการปกป้องผิวแล้วค่ะ
  • ต่อไปเป็นค่า SPF ตั้งแต่ 15-30 เหมาะสำหรับคนที่ทำงานในร่ม แต่อาจจะมีการออกแดดบ้างระหว่างวัน
  • และสุดท้ายคือ ครีมกันแดดที่มี่ค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป เหมาะสำหรับคนที่ทำงานกลางแจ้ง หรือมีกิจกรรมกลางแจ้งตลอดทั้งวัน หรือสำหรับคนที่มีอากาศแพ้หรือไวต่อแดดนั่นเองค่ะ

แต่ค่า SPF นั้นก็ไม่ได้เป็นตัวกำหนดในการเลือกซื้อครีมกันแดดเสมอไป เพราะความจริงแล้วนั้น ในแสงแดดจะมีทั้งรังสี UVA และ UVB ซึ่งเป็นรังสีที่ทำร้ายผิวของเราทั้งคู่ ซึ่งเราควรดูว่าจะเลือกครีมกันแดดที่กัน UVA หรือ UVB ถึงจะเหมาะสมต่อสภาพผิวของเรา หรือหากเป็นไปได้ก็ควรเลือกครีมกันได้ที่สามารถปกป้องได้ทั้งรังสี UVA และ UVB จะดีที่สุดค่ะ

รังสี UVA เป็นรังสีที่ทำร้ายผิวในเรื่องของการเกิดร่องรอยจุดด่างดำ ฝ้า กระ ซึ่งรังสีนี้จะสามารถทะลุผ่านกระจกได้ จึงทำให้เรายังสามารถได้รับรังสี UVA ได้แม้จะทำงานอยู่ในอาคาร นอกจากนี้ การรับรังสี UVA เป็นระยะเวลานานยังส่งผลให้เราเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย 

รังสี UVB เป็นรังสีที่ทำร้ายผิวในเรื่องของการเผาไหม้ ทำให้ผิวไหม้แดด เกรียมแดด เกิดอาการแดง แพ้ต่าง ๆ แต่รังสีชนิดนี้จะไม่สามารถทะลุผ่านกระจกได้ ซึ่งหากแบ่ง เปอร์เซ็นต์ของรังสีแต่ละชนิดจะสามารถแบ่งได้เป็น รังสี UVA 95% และรังสี UVB 5% ในแสงแดด

นอกจากเรื่องของรังสีและค่า SPF แล้ว ยังมีเรื่องของ PA ซึ่ง PA นั้นเป็นค่าที่แสดงถึงคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากรังสี UVA โดยมักจะใส่เครื่องหมาย + ตามหลังมาจะเป็นค่าที่แสดงความสามารถในการปกป้องผิว ยิ่งเครื่องหมาย + เยอะมากเท่าไหร่ยิ่งสามารถปกป้องผิวได้ดีกว่า ทำให้การเลือกครีมกันแดดควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า PA ควบคู่ด้วยก็จะสามารถป้องกันรังสี UVA ที่ทำร้ายผิวได้ดีกว่า

ครีมกันแดดนั้น เป็นเพียงแค่ผลิตภัณฑ์ที่เสริมความงามชนิดหนึ่ง แต่ความจริงแล้วความสวยงามของเรานั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับสีผิวเสมอไปนะคะ เพราะความสวยงามที่แท้จริงของเรานั้น สามารถแสดงออกได้ผ่านความคิด คำพูดและจิตใจของเราเช่นกัน ทาง www.โรงงานของพรีเมี่ยม.com อยากให้ทุกคนหันกลับมามองคุณค่าของความสวยของตนเองจากภายในมากกว่าการวัดค่าความสวยจากสีผิวภายนอก เพราะความสวยที่มีจากภายในจะเป็นความสวยที่อยู่กับเราไปตลอด ไม่สามารถเสื่อมสลายไปได้ตามกาลเวลานะคะ