menu search

เพจดังเผยกรณีศึกษากับปัญหาของ 'ยาฝังคุมกำเนิด'

schedule | NEWS, คุมกำเนิด, ฝังยาคุมกำเนิด, ยาฝังคุมกำเนิด

เพจชื่อดัง เรื่องเล่าจากโรงหมอ พสต์ภาพและข้อความถึงกรณีของยาฝังคุมกำเนิด หลังพบเคสล่าสุดมีการฝังยาคุมกำเนิดผิดจุด จนต้องผ่าตัดเอาออก

เมื่อวานนี้ (11 มี.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพจเฟซบุ๊ก เรื่องเล่าจากโรงหมอ ได้โพสต์ภาพและข้อความถึงกรณีของยาฝังคุมกำเนิด ซึ่งพบว่าสถานพยาบาลบางแห่งไม่ให้ข้อมูลและทางเลือกอื่นก่อนตัดสินใจ อีกทั้งยังมีเรื่องของการเรียกเก็บเงินเพิ่มจากคนไข้ และที่น่าตกใจที่สุดเป็นเคสล่าสุดมาคนไข้ไปฝังยาคุมกำเนิดจากสถานพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่กลับมีผลข้างเคียง ทั้งน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น บริเวณแผลมีเลือดออกทุกวัน จนย้ายมาทำการรักษาอีกโรงพยาบาลก็พบว่า การฝังยาคุมจากสถานบาลเดิมนั้น มีการฝังยาในตำแหน่งที่ผิด ทั้งนี้ทางเพจระบุข้อความไว้ว่า จริงๆวันนี้หมดสภาพ...ตื่นมาทำคลอดตั้งแต่ตีสี่ กลับมานอนหน่อยนึงแล้วไปตรวจ OPD เสร็จบ่าย ผ่าตัดต่อ แล้วกลับมารับปรึกษาเคสจากน้องๆ เสร็จก็ค่ำ หิวและแบตเตอรี่ตัวเหลือต่ำเตี้ย โพสต์ก่อนมีหลายความเห็นบอกคิดถูกแล้วที่ผ่าตัดคลอดบลาๆๆ หมอไม่ยอมผ่าเพราะไม่ได้ฝากพิเศษ เสียเงินเพิ่มไม่กี่พันเองค่าใส่ซอง คลอดเองมันเสี่ยงมาก... ...เลยตั้งใจจะเล่าเคสผ่าตัดคลอดที่พึ่งเกิดปัญหารุนแรง แต่ขอติดไว้ก่อนนะครับ รอได้รับอนุญาตจากคนไข้แล้วจะมาเล่า มาดูปัญหาจากการฝังยาคุมกำเนิด...เคสที่พึ่งผ่าเอาหลอดยาออกให้คนไข้เมื่อเย็นนี้ดีกว่า ปัจจุบัน หน่วยงานทางสาธารณสุข...พยายามรณรงค์ชักชวน ชี้นำ ไปจนถึงกึ่งบังคับวัยรุ่น โดยเฉพาะเคสที่พึ่งคลอดให้ฝังยาคุม... วัตถุประสงค์นั้นแสนดีคือลดอัตราการท้องของวัยรุ่น ท้องไม่พร้อม...ด้วยการให้ option ฟรี เป็นยาฝังราคาแพง ประสิทธิภาพสูงสุดในวิธีการคุมกำเนิดเท่าที่มีให้เลือกใช้ แต่แนวทางปฏิบัติยังแปลกประหลาด... ด้วยเป้าหมายของสถานพยาบาลต้องฝังให้มากที่สุดก่อนให้คนไข้กลับบ้าน เกณฑ์ผ่านคืออย่างน้อย 80%ของวัยรุ่นที่คลอด ทำให้เกิดการ councelling ปลายปิด และบังคับฝัง ไม่ให้ข้อมูลและทางเลือกอื่นก่อนตัดสินใจ ตามด้วยการไม่แก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสมเมื่อคนไข้เกิดปัญหา...น่าจะคุ้นเคยดีกับคำพูดที่ว่าถ้าเอาออกก่อนเสียค่ายาคืน 2,500 3,000 (จริงๆเรียกเก็บคืนจากคนไข้ไม่ได้นะครับ รพ.ที่ฝังเบิกเงินจากสปสช.แล้ว ไม่มีสิทธิ์เก็บเงินอีก ใครมีปัญหาถูกรพ.แจ้งแบบนี้ติดต่อสายด่วนบัตรทอง 1330 ครับ) คนไข้รายนี้เป็นตัวอย่างที่ดีว่า...แนวทางที่ทำกันยังมีปัญหา สักปีกว่าๆที่ผ่านมา คุณแม่ A คลอดปุ๊บที่รพช.ใกล้บ้าน ก็ถูกให้ฝังยาคุมกำเนิดทันที ไม่ทราบผลข้างเคียง ทราบแค่ว่าต้องฝัง จากนั้นมีปัญหาเลือดออกกะปริดกะปรอยตลอด ไปพบแพทย์รพ.ที่ฝังตั้งแต่ช่วงแรกที่มีปัญหาได้ยามากิน อาการไม่ดีขึ้น น้ำหนักขึ้นมาจากหลังคลอดอีก 10+กก. (จริงๆควรลดสัก 10+กก.ไปเท่าก่อนท้อง เท่ากับนน.มากกว่าที่ควรกว่า 20 กก.) หงุดหงิด เลือดออกทุกวัน 2 สัปดาห์ก่อน ไปพบแพทย์ ได้รับการผ่าตัดจะเอายาฝังออก แต่หาไม่เจอ หมอเย็บปิด พอแผลหายก็ส่งมาที่นี่ ตรวจร่างกาย รอยแผลที่ฝังหมายเลข 1 อยู่กลางแขนด้านหน้า เหนือขึ้นไปมีแผลหมายเลข 2 ที่ผ่าเอาออก คลำไม่พบหลอดยา ส่ง x ray เห็นหลอดยาอยู่กลางต้นแขนขึ้นไปเกือบถึงรักแร้ ultrasound อยู่เกือบชม. หาหลอดยาในตำแหน่งที่ควรอยู่ก็ไม่เห็น แต่สูงกว่ารอยฝังหนึ่งคืบ ลึกเข้าไปในกล้ามเนื้อ biceps พบวัตถุแปลกปลอมเป็นแท่งยาวสัก 3-4 cm แนะนำคนไข้ว่าเอาออกยากแน่ แต่มาลองดูกัน ลงแผลผ่าตัดหมายเลข 3 แหวกลึกลงไปถึงกล้ามเนื้อ คลำหาลำหลอดยาแล้วแหวก กรีดจนพบ และนำออกได้ในที่สุด เย็บปิดแผล...คนไข้กลับบ้านไปแล้ว... แต่ปัญหาที่เราควรต้องทบทวนแก้ไขคือ... 1.การคุมกำเนิดควรทำโดยสมัครใจ มีทางเลือกต่างๆให้คนไข้ ให้ข้อมูลผลข้างเคียงให้ครบ 2.ต้องสอนการทำหัตถการให้น้องๆหมอและพยาบาลที่รับผิดชอบให้ดี นี่ไม่ใช่เคสแรกที่ฝังในตำแหน่งแปลกประหลาด จากควรฝังตรงแขนด้านในระหว่างร่องของกล้ามเนื้อ biceps มาเป็นฝังตรงด้านหน้ากลางแขน และลึกจนฝังเข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อ ถ้าคนไข้จำไม่ได้ว่าฝังตรงไหน และไม่เห็นแผลเป็น คนเอาออกหาอย่างไรก็ไม่เจอ เพราะมันไม่ใช่ตำแหน่งปกติ 3.เลิกกันเถอะครับ การขู่คนไข้ให้จ่ายเงินเพื่อให้อัตราการฝังยาครบกำหนด 3 ปี 5 ปี สูงตามเป้า จนตัวเลขงานวิจัยการฝังยาครบในไทยดีกว่าประเทศอื่นอย่างแปลกประหลาด มีคนไข้จำนวนมากที่มีผลข้างเคียงแบบนี้ ซึ่งสมควรได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ในรายนี้หลังเอาออกอีกเดือนนึง นัดมาใส่ห่วงคุมกำเนิดแทนแล้ว สุดท้าย...วัยรุ่นทั้งหลาย แม่ๆทั้งหลาย อย่าเล่นกันแต่เฟซบุ๊ก IG...CF ของ เผือกดารา... หาข้อมูลกันมั่งเหอะเรื่องการคุมกำเนิด เรื่องสุขภาพตัวเองน่ะครับ...หวังดีนะเนี่ย อ่อไม่ใช่ยาฝังไม่ดีนะครับ มันดีมากๆโอกาสพลาดต่ำสุด แต่ไม่มีอะไรที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน อยากอ่านละเอียดกว่านี้ค้นๆเอา ในเพจนี้ก็มีเคยเขียนหลายรอบครับ :) ขอบคุณ เรื่องเล่าจากโรงหมอ