ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดทั้ง 2 โรคนี้ได้แก่
1. ประวัติคนในครอบครัวที่เคยเป็นโรคหัวใจ 2. เกิดภาวะความเครียด 3. การรับประทานอาหารที่มีไขมันหรือโซเดียมสูง 4. การไม่ออกกำลังกาย 5. อายุมากขึ้น 6. น้ำหนักเกินมาตรฐาน 7. การสูบบุหรี่ 8. การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก 9. โรคเรื้อรัง อาทิ โรคหยุดหายใจขณะหลับหรือ โรคไต เป็นต้นสำหรับแนวทางการป้องกัน ได้แก่
1. การลดน้ำหนัก ผู้ป่วยที่มี BMI ≥25 กก./ม.2 ทุกๆ น้ำหนัก ที่ลดลง 1 กก. สามารถลดความดันตัวบน ได้ เฉลี่ย 1 มม.ปรอท โดยรวมการลดน้ำหนัก 10 กก. สามารถลดความดันตัวบนได้เฉลี่ย 5-20 มม.ปรอท 2. การออกกำลังกาย แนะนำให้ออกกำลังกายอย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน การออกกำลังกายสามารถลดความดันตัวบนลงเฉลี่ย 4 มม.ปรอท 3. การเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ - การบริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,300 มก./วัน สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ทั้งในผู้ป่วยที่มี และไม่มีโรคความดันโลหิตสูง - เกลือแกง (โซเดียมคลอไรด์) 1 ช้อนชา (5กรัม) โซเดียม 2,000 มก. - น้ำปลา 1 ช้อนชา มีโซเดียมประมาณ 350-500 มก. - ซีอิ๊ว 1 ช้อนชา มีโซเดียมประมาณ 320-455 มก. - ผงชูรส 1 ช้อนชามีโซเดียม 492 มก. 4. การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่น้อย ผู้หญิงไม่เกิน 1 ดื่มมาตรฐาน ( Standard drink ) ต่อวัน และผู้ชายไม่เกิน 2 ดื่มมาตรฐานต่อวัน ปริมาณ 1 ดื่มมาตรฐานของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หมายถึง เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ประมาณ 10 กรัม ได้แก่ เบียร์ 5% : 240มล., เบียร์ 6.4% : 1/2 กระป๋อง หรือ 1/3 ขวดใหญ่, ไวน์ 12% : 100 มล. 5. ไม่สูบบุหรี่ เนื่องจากนิโคตินในบุหรี่ทำให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น ทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันและโรคหลอดเลือดสมองคลิป > เบาหวาน โรคสุดฮิตที่คนเป็นเยอะ ดูแลตัวเองอย่างไร มาหาคำตอบได้ที่นี่!
https://seeme.me/ch/health/q1VzPD บทความโดย : นายแพทย์ ชาญ สุภาพโสภณ แพทย์ผู้ชำนาญการด้าน อายุรกรรมหัวใจ โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล