วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ พระอารามหลวงแรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
![พระมณฑป](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_02.jpg)
วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ฯ เดิมชื่อว่า “วัดสลัก” ไม่ปรากฎนามผู้สร้างวัด สันนิษฐานว่ามีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เมื่อสมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาสุรสิงหนาท (พระอนุชาธิราชของ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1) ทรงมาพบวัดนี้ ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ สร้างถาวรวัตถุขึ้นมาใหม่ และทรงสถาปนาวัดนี้ขึ้นเป็น “พระอารามหลวงแห่งแรก” ในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ จากนั้นทรงเปลี่ยนชื่อจากวัดสลักเป็น “วัดนิพพานาราม”
เมื่อครั้งทำสังคายนาพระไตรปิฎก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงโปรดให้เปลี่ยนนามพระอารามว่า "วัดพระศรีสรรเพชญ์" ต่อมาพระองค์ทรงจัดให้มีการสอบไล่พระปริยัติธรรม จึงโปรดให้เปลี่ยนนามพระอารามอีกครั้งว่า "วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรมหาวิหาร" ตามแบบอย่างครั้งกรุงเก่า
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์อันเป็นส่วนของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเพื่อปฏิสังขรณ์วัดมหาธาตุ จึงโปรดให้เพิ่มสร้อยนามพระอารามเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชว่า "วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์"
มูลเหตุแห่งพระราชศรัทธา
![สมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาสุรสิงหนาท](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_12-768x1024.jpg)
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ทรงเป็นพระอนุชาธิราชในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงมีความผูกพันกับวัดมหาธาตุมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นวัดราษฎร์ชื่อ "วัดสลัก" ด้วยในคราวที่กรุงศรีอยุธยาใกล้จะเสียแก่พม่าเมื่อ พ.ศ. 2310 ทรงเป็นนายสุดจินดามหาดเล็กหุ้มแพรในพระเจ้าเอกทัศน์ ได้ล่องเรือมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อไปหาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ซึ่งขณะนั้นเป็นหลวงยกกระบัตรอยู่ที่เมืองราชบุรี เมื่อมาถึงเมืองบางกอกซึ่งมีด่านของพม่าตั้งอยู่ที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์ จึงหยุดเรือที่หน้าวัดสลัก อธิษฐานขอพระประธานในอุโบสถคุ้มครองให้รอดพ้นภัยจากข้าศึก แล้วจะกลับมาบำรุงวัดให้รุ่งเรือง ครั้งพอตกกลางคืนจึงคว่ำเรือซ่อนตัวลอยตามน้ำผ่านด่านพม่าไปได้ ไปพบกับหลวงยกกระบัตรผู้พี่แล้วไปสมทบกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่จันทบุรี จนได้เป็นแม่ทัพคู่พระทัยในการทำศึกขับไล่ศัตรู กอบกู้บ้านเมืองได้สำเร็จ
สถาปนาพระอารามหลวงแห่งแรกของกรุงรัตนโกสินทร์
![พระอุโบสถ](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_06.jpg)
เมื่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นใน พ.ศ. 2325 สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาททรงได้รับการสถาปนาเป็นพระมหาอุปราชพระองค์แรก ทรงสร้างพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) เป็นที่ประทับอยู่ติดกับวัดสลักทางทิศเหนือ ในปีต่อมาจึงทรงสถาปนาวัดสลักขึ้นเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกของพระนครเมื่อ พ.ศ. 2326 โดยขยายพื้นที่วัดและสร้างเสนาสนะขึ้นใหม่ทั้งพระอาราม มีพระมณฑปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุเป็นประธาน พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดนิพพานาราม” แล้วเปลี่ยนเป็น "วัดพระศรีสรรเพชญ์" ในคราวที่ทรงจัดการสังคายนาพระไตรปิฎกที่วัดนี้เมื่อ พ.ศ. 2331 ซึ่งครั้งนั้นมีพระราชศรัทธาเสด็จมาประเคนเลี้ยงพระทุกวันตลอด 5 เดือน และต่อมาในพ.ศ. 2338 เสด็จมาทรงผนวชเป็นเวลา 7 วัน ครั้งถึง พ.ศ. 2346 เมื่อประชวรหนักใกล้สวรรคต ได้เสด็จมานมัสการลาพระประธานในพระอุโบสถ ทรงยกพระแสงจบพระหัตถ์อุทิศถวายให้ทำเป็นราวเทียนด้วยพระราชศรัทธาอย่างยิ่ง จึงได้นำพระราชอิริยาบถนี้มาสร้างพระบวรราชานุสาวรีย์เมื่อ พ.ศ. 2521 และนำเนื้อดินจากแผ่นดินที่ได้ทรงกรีฑาทัพไป 28 แห่ง มาบรรจุไว้ที่ฐาน เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงพระวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ ที่ทรงกอบกู้บ้านเมืองและทำนุบำรุงพระศาสนา รวมทั้งได้ทรงสถาปนาวัดนี้ขึ้นโดยหลังพระองค์สวรรคต พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดให้เปลี่ยนนามเป็นวัดมหาธาตุ อันเป็นนามสำหรับวัดที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุประจำราชธานีมาแต่โบราณ
จุดมูต้องมา!
![วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_18.jpg)
พระอุโบสถ
![พระศรีสรรเพชญ์](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_16.jpg)
พระศรีสรรเพชญ์
เป็นที่ประดิษฐานพระประธาน " พระศรีสรรเพชญ์" และ พระอรหันต์ 8 ทิศ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ทรงสร้างเมื่อแรกสถาปนาพระอาราม และได้ถูกไฟไหม้พร้อมพระมณฑปจึงโปรดให้สร้างใหม่ทั้งหลัง ภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นฝีมือช่างครั้งรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันเลือนหมด ผนังทาสีพื้นขาว ภาพเขียนที่ผนังเป็นเรื่องชาดกต่างๆ และรูปเทพชุมนุม เสาทาสีเขียวลายทรงข้าวบิณฑ์ เพดานลายฉลุทอง ลักษณะพระอุโบสถในปัจจุบันเป็นอาคารทรงไทยฐานสูง หลังคามุงกระเบื้องดินเผา มีช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันเป็นไม้แกะสลักปิดทองประดับกระจกเป็นภาพนารายณ์ทรงครุฑยุดนาค แวดล้อมด้วยภาพเทวดาเหาะด้านละ 3 องค์ เหนือขึ้นไปเป็นเทพพนม พื้นลายทั่วไปเป็นลายใบเทศก้านต่อดอก รอบพระอุโบสถมีสีมาตั้งประจำ 4 ทิศ ใบสีมาสลักเป็นภาพครุฑยุดนาค
![พระมณฑป](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_27.jpg)
พระมณฑป
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ทรงสร้างพระมณฑปขึ้นเป็นประธานของวัดตั้งแต่แรกสถาปนาเป็นพระอารามหลวงเมื่อ พ.ศ. 2326 โดยเป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์ทองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ อันเป็นที่มาของชื่อ "วัดมหาธาตุ" เดิมพระมณฑปนี้มีหลังคาเป็นเรือนยอดทรงมณฑป ด้วยโปรดให้นำตัวไม้เครื่องยอดของปราสาทที่มีพระราชดำริจะสร้างในพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) มาสร้างมณฑปถวายเป็นพุทธบูชาที่วัดนี้แทน แต่ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2344 เกิดเพลิงไหม้หลังคาเดิมจนหมด จึงโปรดให้สร้างหลังคาใหม่เป็นทรงโรงอย่างในปัจจุบัน และสร้างพระมณฑปทองสูง 10 วา ไว้ภายใน แทนพระมณฑปองค์เดิม หน้าบันพระมณฑปตกแต่งแสดงรูปพระลักษณ์ทรงหนุมานอันเป็นตราประจำพระองค์สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
พระมณฑป สร้างครอบพระเจดีย์ทองซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าวข้างต้นนั้น นอกจากนั้นยังมีพระพุทธที่นำมาจากเมืองเหนือ เมืองสุโขทัย เมืองสวรรคโลก เมืองพิษณุโลก เมืองลพบุรี และที่กรุงเก่า กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทนำมาประดิษฐานไว้ภายในพระมณฑปถึง 28 องค์ พระมณฑปนี้ทรงสร้างไว้ด้านทิศตะวันออกกึ่งกลางระหว่างพระอุโบสถกับพระวิหาร พระองค์ทรงเอาเครื่องไม้ที่จะทรงสร้างปราสาทในวังหน้า นำมาสร้างพระมณฑป แต่มณฑปที่สร้างด้วยเครื่องไม้นั้นถูกเพลิงไหม้ พระอุโบสถและพระวิหารก็ถูกไหม้ในครั้งนั้นด้วย พระองค์จึงทรงให้สร้างพระมณฑปใหม่ให้เป็นหลังคาทรงโรงอย่างที่ปรากฎอยู่ในปัจจุบัน พระมณฑปนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาตามลำดับ
พระพุทธรูปโบราณ 28 องค์
พระพุทธรูปที่ตั้งอยู่รายรอบเฉลียงภายในพระมณฑป เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยและอยุธยา ซึ่งอัญเชิญมาจากหัวเมืองต่างๆ ในสมัยรัชกาลที่ 1 โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดให้รวบรวมพระพุทธรูปหล่อจำนวนมากจากวัดร้างที่ปรักหักพังในเมืองพิษณุโลก สวรรรคโลก สุโขทัย ลพบุรี และอยุธยา มาบูรณปฏิสังขรณ์เพื่อประดิษฐานในวัดพระเชตุพนที่ทรงสถาปนาขึ้นใหม่ และได้พระราชทานมายังวัดมหาธาตุ ประดิษฐานในวัดพระเชตุพนที่ทรงสถาปนาขึ้นใหม่และได้พระราชทานมายังวัดมหาธาตุ ประดิษฐานในพระวิหารหลวง 2 องค์ และในพระมณฑป 28 องค์ ซึ่งจำนวนพระพุทธรูปในพระมณฑปนี้เท่ากับพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ที่ได้อุบัติขึ้นแล้วในโลก
พระเจดีย์ทองศรีรัตนมหาธาตุ
พระเจดีย์ทองศรีรัตนมหาธาตุประดิษฐานในพระมณฑป เป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองทรงเครื่อง ฝีมือช่างยุคแรกตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ที่วิจิตรตระการตา ในองค์เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่ส่วนบนและบรรจุพระอัฐิสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกกับสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทไว้ที่ส่วนล่าง สันนิษฐานว่าสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาททรงได้แบบอย่างการสร้างพระเจดีย์ไว้ภายในพระมณฑปเช่นนี้มาจากวัดพระศรีสรรเพชญ์ของกรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีพระเจดีย์อยู่ในพระมณฑป เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศ์
![พระวิหาร](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_04.jpg)
พระวิหาร
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ทรงสร้างพระวิหารขึ้น เดิมยาว 12 ห้อง ได้รับการบูรณะให้มีมุขโถงทั้งข้างหน้าและข้างหลังในรัชกาลที่ 3 เพื่อให้พระวิหารยาวเท่าพระอุโบสถ ลักษณะ พระวิหารในปัจจุบันเป็นอาคารทรงไทย ฐานสูงมีมุขด้านหน้าและด้านหลัง หน้าบันพระวิหารเป็นรูปตราพระราชสัญลักษณ์ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร มีอักษณย่อว่า ร.จ.บ.ต.ว.ห.จ. อันมีความหมายว่า เราจะบำรุงตระกูลวงศ์ให้เจริญ
![หลวงพ่อหิน](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_08.jpg)
”หลวงพ่อหิน” ประดิษฐานในพระวิหาร เป็นพระพุทธรูปหินโบราณเคยเป็นพระประธานองค์เดิมเมื่อครั้งยังชื่อวัดสลัก ต่อมาเมื่อสถาปนาเป็นพระอารามหลวง จึงได้อัญเชิญจากโบสถ์เก่า มาประดิษฐานยังพระวิหารหลวง
![แผ่นศิลาจารึก](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_09.jpg)
”แผ่นศิลาจารึกดวงชะตา” (พิชัยสงคราม) อยู่ในพระวิหาร เป็นอักษรสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นหลักฐานสำคัญเก่าแก่ที่สุด ซึ่งมีหลักฐานปรากฏปีที่สร้าง พ.ศ.2228 แต่เดิมติดอยู่ที่ฐานพระประธาน ต่อมาได้ถูกอัญเชิญไปไว้ในสระทิพยนิภาเป็นเวลาประมาณ 33 ปี และนำมาเก็บไว้ในพระวิหารมาจนถึงปัจจุบัน
![คำแปล](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_15.jpg)
![พระแท่นบรรทม](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_07.jpg)
นอกจากนี้ภายในพระวิหารยังเป็นที่ประดิษฐาน พระแท่นบรรทมสมเด็จพระบวรฯ พิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุ คัมภีร์พระไตรปิฎกที่ได้ทำการสังคายนาในสมัยรัชกาลที่ 1 พ.ศ.2331 และ ผ้าห่อคัมภีร์ใบลานเก่าแก่ ที่ทุกท่านสามารถมากราบสักการะได้ทุกวัน
![พระวิหาร](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_11-768x1024.jpg)
![พิพิธภัณฑ์](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_10-768x1024.jpg)
![พระปรางค์](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_17-768x1024.jpg)
พระปรางค์และพระเจดีย์
![พระปรางค์](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_05-768x1024.jpg)
ตั้งอยู่ในเขตพระระเบียง ด้านเหนือพระวิหารและด้านใต้ของพระอุโบสถ มีเจดีย์ด้านละ 2 องค์ พระปรางค์ด้านละ 1 องค์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 หุ้มด้วยดีบุก ในสมัยรัชกาลที่ 1 ซ่อมและเอาดีบุกออก พระปรางค์องค์ใหญ่ 2 องค์ด้านหน้าพระมณฑป สร้างในสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นที่บรรจุอัฐิธาตุของสมเด็จพระสังฆราช (ศุข) และสมเด็จพระสังฆราช (มี)
![ระเบียงคต](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_21.jpg)
![ต้นโพธิ์](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_20-768x1024.jpg)
ต้นโพธิ์ลังกาต้นแรกของกรุงรัตนโกสินทร์
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่วัดมหาธาตุ เป็นต้นโพธิ์ที่ได้มาจากลังกาเป็นครั้งแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ โดยสมณทูตไทยที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยรัชกาลที่ 2 โปรดให้เดินทางไปสืบประวัติพระศาสนาในลังกาทวีป ได้นำต้นพันธุ์พระศรีมหาโพธิ์จากเมืองอนุราธปุระกลับมาถวายเมื่อ พ.ศ. 2361 จำนวน 3 ต้น จึงพระราชทานให้มาปลูกที่วัดมหาธาตุ อันเป็นที่สถิตของสมเด็จพระสังฆราช 1 ต้น ให้ไปปลูกที่วัดสระเกศ อันเป็นที่สถิตของสมเด็จพระวันรัต 1 ต้น และที่วัดสุทัศน์ซึ่งกำลังสร้างเป็นมหาวิหารกลางพระนคร 1 ต้น
ทั้งนี้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกานั้น เป็นต้นที่พระเจ้าอโศกมหาราชนำกิ่งพันธุ์จากต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นแรกริมแม่น้ำเนรัญชราที่พระพุทธเจ้าประทับตรัสรู้ ถวายให้พระสังฆมิตตาเถรีนำไปปลูกตั้งแต่ พ.ศ. 255 ต้นโพธิ์ลังกาจึงถือเป็นบริโภคเจดีย์ คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคยทรงใช้สอย ควรแก่การเคารพบูชาเสมือนตัวแทนของพระพุทธองค์
![พระวิหารน้อย](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_22-768x1024.jpg)
พระวิหารน้อย
![พระนาคน้อย](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_24.jpg)
พระนาคน้อย
พระวิหารน้อย หรือวิหารโพธิ์ลังกา ทางทิศตะวันออกของต้นโพธิ์ลังกา เป็นวิหารที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดให้สร้างขึ้นตรงที่ตั้งตำหนักที่พระองค์เคยประทับเมื่อคราวทรงผนวชอยู่ที่วัดมหาธาตุ โดยให้ทำกำแพงแก้วล้อมพระวิหารและต้นโพธิ์ไว้ด้วยกัน บนหน้าบันพระวิหารมีรูปมงกุฎ ตามพระนามเดิมคือ เจ้าฟ้ามงกุฎ พระประธานในพระวิหารมีนามว่า พระนาค เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยอันมีลักษณะงดงาม มีผู้ถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อเสด็จไปประทับที่พระราชวังจันทรเกษม พระนครศรีอยุธยา โปรดให้ตั้งเป็นพระประธานในหอพระปริตรของพระราชวังนั้น เมื่อเสด็จไปครั้งใดก็จะทรงสักการะบูชาทุกครั้ง ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 7 สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเชิญมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระวิหารนี้ตั้งแต่คราวปฏิสังขรณ์เมื่อราว พ.ศ. 2475
![](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_19-768x1024.jpg)
พัดตาลปัตร ใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ปักพระปรมาภิไธยย่อ
เมื่อครั้งทรงผนวชที่วัดมหาธาตุ
![หน้าบันพระวิหารมีรูปมงกุฎ](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_23.jpg)
หน้าบันพระวิหารน้อยมีรูปมงกุฎ ตามพระนามเดิมของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4
![กำแพงแก้ว](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_26.jpg)
กำแพงแก้ว โอบรอบพระวิหารน้อย รวมอาณาเขตเข้ากับต้นโพธิ์
![สมเด็จพระวันรัต](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_13.jpg)
คาถาบูชาสมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี)
อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ลำดับที่ 14
(พ.ศ. 2466 - พ.ศ. 2486)
ตั้งนะโม 3 จบ
นะโม มะหาเถโร เขมะจารี นามะ
สัพพะกิจจะปะรินายะโก, สีหะเสโน อะโหสิ,
อะ กะ สะ อุ อา คะ มะ ระ ภะคะวาติ ติวาคะภะ,
นะโมพุทธายะฯ
การบูชาพระอริยสงฆ์ผู้ทรงคุณ
ย่อมหนุนนำความเจริญให้บังเกิดแก่ผู้บูชา
ด้วยจิตใจอันดีงาม นำพาความโชคดี ความสำราญ
สมดั่งมงคลนามของท่านว่า "เฮง"
![สมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาสุรสิงหนาท](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/wat_mahathatu_prachan_pier_66_25-768x1024.jpg)
พระบวรราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาสุรสิงหนาท
พระมหาอุปราชพระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ผู้ทรงสถาปนาวัดมหาธาตุ
สมาคมศิษย์เก่าวัดมหาธาตุ ดำเนินการสร้างเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาสุรสิงหนาท ผู้ทรงสถาปนาวัดมหาธาตุ มีขนาดเท่าครึ่งอยู่ในลักษณะประทับยืนบนเกย หันพระพักตร์ออกสู่สนามหลวง พระหัตถ์ทั้งสองยกพระแสงดาบเป็นท่าจบเป็นพุทธบูชา ภายในบรรจุเนื้อดินซึ่งเก็บจากแผ่นดินที่สมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาสุรสิงหนาท เสด็จกรีฑาทัพเข้ามาเหยียบรวมทั้งสิ้น 28 แห่งไว้ใต้ฐาน
งานสมโภชน์ 338 ปี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ฯ
![สมโภชน์ 338 ปี](https://mthai.com/app/uploads/2023/12/donation_wat_mahathat_66.jpg)
เนื่องในโอกาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ฯ ครบ 338 ปี ทางวัดมหาธาตุฯ ได้รับความร่วมมือกับหลายภาคส่วน จัดงาน “บุญสมโภชครบรอบ 338 ปี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์พระอารามหลวง กรุงเทพฯ” ขึ้น ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2567 ตั้งแต่เวลา 07.00 – 22.00 น. เพื่อบูรณปฎิสังขรณ์วัดและพระเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระปฐมบรมราชชนก คือพระราชบิดาของรัชกาลที่ 1 และพระอัฐิของสมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาสุรสิงหนาทฯ หรือวังหน้าในรัชกาลที่ 1 ผู้ทรงสถาปนาวัด
นอกจากนี้ทางวัดมหาธาตุฯ ยังเปิดให้ร่วมบริจาคทรัพย์ 339 บาท รับพระสมเด็จอรหัง 1 องค์ พระสำคัญสุดยอดความศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ สนามหลวง โดยสมเด็จพระสังฆราชสุก (สุกไก่ เถื่อน) เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 4 ในรัชกาลที่ 1 เป็นผู้ริเริ่มสร้างเมื่อกว่าร้อยปีก่อน เป็นที่ระลึกเพื่อการบูชา (จัดส่งถึงบ้าน) ทุกบาทมีค่า เป็นมหากุศล ร่วมบุญได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ ชื่อบัญชี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ สมโภชน์พระอาราม เลขที่บัญชี 905-0-22750-4
ที่อยู่ : 3 ถนนท่าพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
Google map : https://maps.app.goo.gl/FE9F4LkTyGDzSrf27
เวลาเปิด - ปิด : 07.00 น. - 18.00 น.
เนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
รู้จัก 7 สหชาติของพระพุทธเจ้าและความหมายของ สหชาติ
บรรยากาศงานพิธีอัญเชิญ ต้นปรมตฺถสิริมหาโพธิ หน่อเนื้อพุทธางกูร จากศรีลังกา
พิธีตักน้ำและดินศักดิ์สิทธิ์ เตรียมอัญเชิญ ต้นปรมตฺถสิริมหาโพธิ หน่อเนื้อพุทธางกูร