QS Quacquarelli Symonds สถาบันคลังสมองชั้นนำในแวดวงอุดมศึกษาระดับโลก ได้เปิดเผย ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกตามสาขาวิชา หรือ QS World University Rankings by Subject ครั้งที่ 11 ในวันนี้
QS เผยผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก
โดยเป็นการวิเคราะห์เปรียบเทียบศักยภาพของหลักสูตรระดับมหาวิทยาลัย 13,883 หลักสูตร จากมหาวิทยาลัย 1,440 แห่ง ใน 85 ประเทศและดินแดนทั่วโลก ครอบคลุม 51 สาขาวิชาด้วยกัน การจัดอันดับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกของ QS ซึ่งได้รับการอ้างอิงกว่า 147 ล้านครั้งในปี 2563 และถูกสื่อและสถาบันต่าง ๆ นำไปรายงานถึง 98,000 ครั้ง
ผลการค้นพบสำคัญระดับโลก
- Harvard University และ Massachusetts Institute of Technology เป็นสถาบันที่ทำผลงานได้ดีที่สุด โดยครองอันดับหนึ่งใน 12 สาขาวิชาด้วยกัน
- ภาคอุดมศึกษาของสหราชอาณาจักรยังคงมีความยืดหยุ่น โดยทำอันดับหนึ่งได้ใน 13 สาขาวิชา จากทั้งหมด 51 สาขาวิชา โดยใน 13 สาขาวิชาที่มหาวิทยาลัยอังกฤษคว้าอันดับหนึ่งไปครองนั้น เป็นของ University of Oxford ถึง 5 สาขาวิชา
- สถาบันอุดมศึกษาของจีนยังคงทำผลงานดีขึ้นต่อเนื่อง โดยมีภาควิชาที่ติด 50 อันดับแรกมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา
- University of Toronto ของแคนาดา มีภาควิชาที่ติด 50 อันดับแรกมากที่สุด โดยติดอันดับไป 46 ภาควิชา ซึ่งมากที่สุดในโลก
- ETH Zurich ของสวิตเซอร์แลนด์เป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของทวีปยุโรป โดยครองอันดับหนึ่งในสาขาธรณีวิทยา ธรณีฟิสิกส์ และวิทยาศาสตร์พื้นพิภพและทะเล และเมื่อประเมินจากภาควิชาที่ติด 10 อันดับแรกแล้ว สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีระบบอุดมศึกษาดีที่สุดเป็นอันดับสามของโลก
- ออสเตรเลียมีจำนวนหลักสูตรที่ติด 10 อันดับแรกน้อยที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา โดยมีภาควิชาที่ติด 10 อันดับแรกรวมกัน 13 หลักสูตร น้อยกว่าปี 2563 (17 หลักสูตร) และปี 2562 (18 หลักสูตร) นอกจากนี้ หลักสูตรของ Australian National University มีอันดับลดลงกว่าสองในสามเมื่อเทียบเป็นรายปี
- ส่วนมหาวิทยาลัยสิงคโปร์ยังคงมีศักยภาพแข็งแกร่ง โดยมี 2 แห่งที่ครองอันดับหนึ่ง ได้แก่ Nanyang Technological University ในสาขาวัสดุศาสตร์ และ National University of Singapore ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของเอเชีย ในสาขาวิศวกรรมปิโตรเลียม
- ในทางกลับกัน สถาบันอุดมศึกษาของญี่ปุ่นมีอันดับลดลง หลังนักศึกษาวิจัยและนักศึกษาระดับปริญญาเอกไม่ได้รับทุนสนับสนุนมากเท่าที่ควรเป็นเวลาหลายทศวรรษ
- หลักสูตรของสถาบันระดับ Institutes of Eminence ของอินเดียทำผลงานได้ค่อนข้างลำบาก โดยสถาบัน Institutes of Eminence ของอินเดียที่ติด 100 อันดับแรกนั้นไม่ได้มีอันดับดีขึ้น
- สถาบันอุดมศึกษาของรัสเซียยังคงแข็งแกร่งขึ้นทุกปี โดยมีภาควิชาที่ติด 20 อันดับแรกมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา
- Universidade de São Paulo (USP) ยังคงรั้งอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในลาตินอเมริกาจากการจัดอันดับครั้งนี้ โดยทำผลงานได้น่าประทับใจในภาควิชาทันตกรรม วิศวกรรมเคมี และวิศวกรรมเหมืองแร่
- University of Cape Town ยังคงเป็นสถาบันที่มีผลงานดีที่สุดในแอฟริกา โดยมีหลักสูตรที่ติด 200 อันดับแรก 24 หลักสูตรด้วยกัน
แจ็ค มอแรน โฆษกของ QS กล่าวว่า "การสำรวจแนวโน้มผลงานในหลักสูตรระดับมหาวิทยาลัยเกือบ 14,000 หลักสูตรนั้น ทำให้เราพอจะมองเห็นลักษณะที่เหมือนกันของประเทศที่มีผลงานดีขึ้นและประเทศที่ไม่ค่อยมีผลงาน โดยมีปัจจัยที่เด่นออกมา 3 อย่างด้วยกัน อย่างแรกคือทัศนคติระดับสากล ทั้งในแง่ของคณะอาจารย์และความสัมพันธ์ด้านการวิจัย ซึ่งสะท้อนให้เห็นความเชื่อมโยงอย่างแข็งแกร่งกับผลงานที่ดีขึ้น ส่วนอย่างที่สองนั้น มหาวิทยาลัยที่อันดับดีขึ้นล้วนได้รับเงินลงทุนเจาะจงจากรัฐบาลมาเป็นเวลากว่าทศวรรษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน รัสเซีย และสิงคโปร์ และอย่างที่สาม ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับอุตสาหกรรมก็สะท้อนให้เห็นในรูปแบบของการจ้างงาน การวัจัย และนวัตกรรมที่ดีขึ้น"
ที่มา : TopUniversities