อายุไม่ใช่ปัญหาถ้าใจสู้! เคล็ดลับ พิชิต Berlin Marthon 2019 จาก ทนายวัยเก๋า

เคยถามตัวเองกันมั้ยว่า…? ตอนเกษียณพวกเราจะทำอะไรกันอยู่ บางคนอาจจะทำกับข้าวให้สามี หรือ เล่นกับหลานๆ แต่สำหรับ พี่นิ่ม กณิการ ลิ้มเจริญ ทนายความและนักจิตสังคมศาลอาญา เลือกที่จะท้าทายตัวเองด้วยการใส่รองเท้า แล้วตัดสินใจลงแข่งมาราธอนระดับเวิลด์เมเจอร์ ในทริป BMW Berlin…

Home / แฟชั่น / อายุไม่ใช่ปัญหาถ้าใจสู้! เคล็ดลับ พิชิต Berlin Marthon 2019 จาก ทนายวัยเก๋า

เคยถามตัวเองกันมั้ยว่า…? ตอนเกษียณพวกเราจะทำอะไรกันอยู่ บางคนอาจจะทำกับข้าวให้สามี หรือ เล่นกับหลานๆ แต่สำหรับ พี่นิ่ม กณิการ ลิ้มเจริญ ทนายความและนักจิตสังคมศาลอาญา เลือกที่จะท้าทายตัวเองด้วยการใส่รองเท้า แล้วตัดสินใจลงแข่งมาราธอนระดับเวิลด์เมเจอร์ ในทริป BMW Berlin Marathon 2019 – #MissionBerlin ดูสักครั้งในวัย 59 ย่าง 60 ปี! เพื่อพิสูจน์ว่าอายุเป็นเพียงตัวเลขสำหรับเธอเท่านั้น

เริ่มต้นที่ฮาล์ฟมาราธอน

พี่นิ่ม เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่พาเธอเข้าสู่การวิ่งมาราธอนว่า ตนเองเป็นคนออกกำลังกายมาตั้งแต่สาวๆ แต่ไม่ได้ใส่ใจหรือวิ่งจริงจัง เน้นไปที่ฟิตเนสหรือการเดินมากกว่า เพราะไม่ค่อยมีเวลาต้องทำงานและใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ จนในช่วง 3-4 ปีหลังมานี้ พี่นิ่มเริ่มหันมาเน้นการวิ่ง ระยะ 2-7 กิโลเมตร และลงฮาล์ฟมาราธอนหลายรายการ ปีละ 2-3 ครั้ง

“การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ถูกที่สุดเราไม่ต้องเสียเงินหรือลงทุนอะไรเลย” 

แล้วถ้าเราจริงจังกับการวิ่งตั้งแต่เด็ก มันช่วยเรื่องกระดูกและดีกับชีวิตมากๆ ถ้าบอกตัวเองตอนสาวๆ ได้ จะบอกว่า ไปวิ่งเถอะ (หัวเราะ)

จากฮาล์ฟสู่ฟูลมาราธอนเพราะความบังเอิญ!?

ก่อนหน้านี้พี่นิ่มเคยลงฮาล์ฟมาราธอนมาหลายรายการปีละ 2-3 ครั้ง แต่ไม่เคยลงฟูลมาราธอน ดังนั้น BMW Berlin Marathon 2019 จึงถือเป็นครั้งแรก “เคยคิดมาหลายปีแล้วว่าอยากไปวิ่งสนามนี้ปีนี้จึงตัดสินใจสมัครไปกับทริป BMW Berlin Marathon 2019 – #MissionBerlin ของโปรแกรม JOY (The Ultimate JOY Experience) แต่ตอนแรกนึกว่าเป็นฮาล์ฟมาราธอนปรากฏมารู้ตอนหลังสมัครว่าเป็นฟูลมาราธอน (หัวเราะ) ”

ตอนแรกก็กังวลมากเหมือนกัน แต่คิดว่าสมัครไปแล้วไปก็ไป คิดเสียว่าไปวิ่งชมบ้านเมืองมากกว่าทำสถิติ แรกๆ สามีก็ไม่อยากไปด้วย เพราะไปเที่ยวเยอรมนีกันหลายรอบแล้ว แต่พี่นิ่มบอกเขาว่า ถ้าไม่ไปด้วยกันจะทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียว “ฉันจะไปวิ่ง” เพราะอยากสมัครตั้งแต่ปีที่แล้ว เขาถึงยอมไปด้วย

ดูแลตัวเองด้วยการกินคีโต

นอกจากจะซ้อมวิ่งแล้วพี่นิ่มยังมี เคล็ดลับการดูแลตัวเอง ด้วยการ กินคีโต ซึ่งจะไม่กินอาหารจำพวกน้ำตาลและแป้ง แต่หันมากินผักวันละครึ่งกิโลกรัม รวมถึงอาหารที่มีไขมันและโปรตีนเป็นหลัก ทำให้มีสุขภาพที่ดี น้ำหนักลด ไม่ป่วยไข้ อย่างช่วงก่อนลงสนามวิ่งครั้งนี้ พี่นิ่มทานแต่โยเกิร์ตกับน้ำมันมะพรัาว ซึ่งให้พลังงานดีเหมือนกัน

นอกจากนี้ช่วงสามเดือนก่อนหน้าไปวิ่ง BMW Berlin Marathon 2019 หมอสั่งให้กินวิตามินประเภทแมกนีเซียม โพแทสเซียม ซิ้งก์ ทำให้ไม่เป็นตะคริว และระหว่างวิ่งพี่นิ่มจะไม่กินเจลเติมพลังแบบนักวิ่งคนอื่น พี่นิ่มจึงเตรียมเสบียงเป็นพวกถั่วแทน และในช่วงตอนเช้าก่อนวิ่งก็เลือกที่จะกินโยเกิร์ตผสมน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นที่เตรียมมาเองจากเมืองไทย เท่านี้ก็เป็นพลังงานขณะวิ่งได้แบบสบายๆ 

เตรียมตัว – ระวัง – JOY!!!

เพื่อเตรียมความพร้อม ทางโปรแกรม JOY จัดการซ้อมพิเศษกับ ครูดิน สถาวร จันทร์ผ่องศรี อดีตนักวิ่งมาราธอนทีมชาติ ให้สมาชิกก่อนเดินทางไปลงสนาม ซึ่งก็พี่นิ่มก็เป็นอีกคนที่ตั้งคำถามว่า “ทำไมต้องมีการบ้านเป็นตารางซ้อมยาวนานหลายเดือนขนาดนี้..?” แต่พอวิ่งจบจึงเข้าใจว่า ทางโปรแกรมคิดเผื่อมาให้แล้ว เพราะชีวิตคนเราไม่ได้มีแต่การซ้อมวิ่ง เราต้องทำงานหรือมีชีวิตอย่างอื่นด้วย ถ้าวันไหนยุ่งมากจนไม่ได้ซ้อม ก็ยังมีพอเวลาเหลือให้ซ้อมซ่อมได้ และการไปวิ่งมาราธอน เราต้องซ้อมยาว เพื่อเตรียมร่างกาย ไม่สามารถซ้อมแบบเข้มข้นในระยะเวลาสั้นๆ ได้

ส่วนตัวพี่นิ่มแบ่งเวลาซ้อมได้ค่อนข้างลำบาก เพราะมีเรื่องต้องทำหลายอย่างในชีวิต พยายามซ้อมวิ่งตอนเย็นตามสวนหรือรอบหมู่บ้าน สลับกับว่ายน้ำ พยายามซ้อมให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยซ้อมหนักขนาดนี้มาก่อน แต่ช่วงสุดท้ายก่อนไปวิ่งได้มากที่สุดแค่ 30 กิโลเมตร รู้สึกกังวลว่าเราจะทำได้ไหม เพราะระยะซ้อมวิ่งยังไม่มากพอสำหรับการวิ่งฟูลมาราธอน แต่ก็คิดได้ว่ากังวลไปก็เท่านั้น วิ่งได้เท่าไรก็เท่ากัน

เคยท้อบ้างไหม..?

บางช่วงก่อนไป พี่นิ่มไม่มีเวลาซ้อม ถอดใจหลายหน เพราะเจอปัญหาหลายด้าน และเบื่อหน่ายกับการซ้อมคนเดียวยาวนานตั้ง 6 เดือน แต่หลังจากที่ครูดิน ทีมงาน และสมาชิกร่วมทริป ได้มีโอกาสไปซ้อมด้วยกัน ต่างคนต่างก็ช่วยให้กำลังใจมาตลอด จากความเบื่อหน่าย กลายเป็นความชอบโปรแกรมที่ JOY จัดให้

ในช่วงที่วิ่งเองพี่นิ่มหมดพลังช่วง 2 กิโลเมตรสุดท้าย เริ่มล้าและรู้สึกเบื่อ จนคิดว่า DNF* ไปเลยดีไหม แต่ก็คิดได้ว่าจะออกไปทำไม อีกแค่ 2 กิโลเมตรเอง ต้องทำให้สำเร็จสิ จึงก้มดูนาฬิกาแล้วบอกตัวเองว่า “อย่าเพิ่งท้อ สู้ๆ เส้นชัยอยู่ตรงหน้าเอง” แล้วจึงวิ่งเข้าเส้นชัยโดยไม่รู้ตัว จนมีคนเอาเหรียญมาคล้องให้ เป็นความรู้สึกดีใจอย่างเอ่อล้น 

*DNF หรือ Did not finish หมายถึงวิ่งไม่จบหรือไม่เข้าเส้นชัยตามกำหนดเวลาไม่ว่าจะด้วยอุบัติเหตุ อุปกรณ์มีปัญหาจนส่งผลต่อการวิ่ง หรือร่างกายทนความเหนื่อยล้าถึงขั้นไปต่อไม่ไหว

ปลายทาง ณ BMW Berlin Marathon 2019

ตอนแรกคิดว่าวิ่งจบที่ 6 ชั่วโมง 15 นาที เวลา cut off ก็ถือว่าเก่งมากแล้วสำหรับ Marathon ครั้งแรก แต่พี่นิ่มเข้ามาที่เวลา 5 ชั่วโมง 59 นาที 20 วินาที โดยเฉพาะ 12-13 กิโลเมตรแรกพี่วิ่งเร็วจนทำลายสถิติตัวเอง หนึ่งกิโลเมตร พี่ใช้เวลาวิ่งแค่ 6-7 นาที ช่วงหลังลดลงมา เพราะกลัวหมดพลังก่อน วิ่งไปเรื่อยๆ ระหว่างวิ่งก็คิดอะไรไปเพลินๆ จึงไม่ได้รู้สึกเหนื่อย

ท้ายที่สุดแล้วในมุมมองของพี่นิ่มหัวใจสำคัญที่สุดของการวิ่งมาราธอน คือความอดทน’ การอดทนซ้อม การไม่ท้อกับการเตรียมตัว ไม่ออกจากสนามแข่ง ถึงมันจะล้าและเบื่อ ก็ต้องอดทน สุดท้ายอยากแนะนำให้ทุกคนเริ่มวิ่งโดยเฉพาะเด็กๆ ยิ่งเริ่มวิ่งเร็วยิ่งดี เพราะจะได้ฝึกความอดทน สำหรับคนสูงอายุอย่างเราก็แนะนำให้วิ่ง เพราะเป็นการกระตุ้นเตือนว่า เราต้องมีความอดทน และอย่าลืมความอดทนที่เราเคยมีในชีวิต

สำหรับเจ้าของรถยนต์ BMW ที่อยากเปิดประสบการณ์ดีๆ ที่จะกลายเป็นความทรงจำครั้งหนึ่งในชีวิตแบบพี่นิ่ม นักวิ่งรุ่นใหญ่คนนี้ หรือร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟหลากหลายรูปแบบ สามารถสมัครเป็นสมาชิกโปรแกรม The Ultimate JOY Experience ได้ที่ bmwultimatejoy.com พร้อมติดตามข่าวสารได้ที่ facebook.com/bmwultimatejoy