ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งระยะสุดท้าย หมอเมย์สู้มะเร็งระยะสุดท้าย

ความในใจคุณหมอเมย์ ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย บริจาคโลหิต เหมือนต่อลมหายใจ

คนเราถ้าไม่ทุกข์ ก็ไม่รู้จักสุขถ้าไม่เฉียดตาย ก็ไม่เห็นคุณค่าของการมีชีวิต หมอเมย์ พญ.ทักษอร เล้าวงค์ คุณแม่ลูกสองที่ตรวจพบว่าป่วยเป็น มะเร็งกระเพาะอาหาร ระยะที่ 4 หรือระยะแพร่กระจาย และไม่ขอยอมแพ้กับโรคนี้ง่ายๆ ยังคงต่อสู้หาทางรักษา และมอบพลังใจดีๆ ให้กับตัวเองและคนอื่นๆ…

Home / แฟชั่น / ความในใจคุณหมอเมย์ ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย บริจาคโลหิต เหมือนต่อลมหายใจ

คนเราถ้าไม่ทุกข์ ก็ไม่รู้จักสุข
ถ้าไม่เฉียดตาย ก็ไม่เห็นคุณค่าของการมีชีวิต

หมอเมย์ พญ.ทักษอร เล้าวงค์ คุณแม่ลูกสองที่ตรวจพบว่าป่วยเป็น มะเร็งกระเพาะอาหาร ระยะที่ 4 หรือระยะแพร่กระจาย และไม่ขอยอมแพ้กับโรคนี้ง่ายๆ ยังคงต่อสู้หาทางรักษา และมอบพลังใจดีๆ ให้กับตัวเองและคนอื่นๆ อีกมาก โดยบอกเล่าอาการผ่านเพจ หมอเมย์สู้มะเร็งระยะสุดท้าย เอาไว้ว่า…

สัญญาณเตือนของโรคมะเร็ง

ตอนที่เมย์ท้องลูกคนที่สอง มีอาการอ้วกเป็นเลือดไหลไม่หยุด จนช๊อคเมื่ออายุครรภ์ได้ 36 สัปดาห์ คิดว่ามะเร็งน่าจะอยู่กับเรามาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ แต่ตอนนั้นไม่ได้ตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจหามะเร็ง เพราะมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ด้วย เวลาจึงล่วงเลยต่อมา เมย์อยากจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การจะหยุดเต้าเพื่อรักษา H.pylori จึงเป็นเรื่องรองลงไป ช่วงนั้นร่างกายก็เริ่มมีสัณญาณบอกถึงความล้า เรี่ยวแรงน้อยลง ต้องกินกาแฟทุกวันเพื่อให้มีแรง แต่ก็ไม่ได้คิดถึงเจ้าเนื้อร้ายอยู่ดี เพราะแม่ลูกอ่อนก็เหนื่อยแบบนี้เป็นปกติ หากย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะรีบไปส่องกล้องซ้ำตั้งแต่ 3 เดือนแรก

วันที่รู้ผลว่าเป็นมะเร็ง ยังผ่าตัดคนไข้อยู่เลย

จุดที่ตัดสินใจไปตรวจ เพราะว่าไอเยอะมา 1 สัปดาห์กว่าๆ ไม่มีไข้ ไอจนเริ่มหายใจไม่สุด จึงไปตรวจ x-ray หน้าอกดู พบว่ามีจุดเล็กๆ คิดว่าเป็นวัณโรครึป่าว จึงไป CT scan ปอดซ้ำ ผลก็ออกมาว่ามีจุดเล็กๆ เต็มปอดเลย สงสัยวัณโรค หรือ มะเร็ง แต่ใจตอนนั้นยังสงสัยวัณโรคมากกว่าอยู่นะคะ แต่อาจารย์ให้เราลองตัดเอาต่อมน้ำเหลืองที่คอไปตรวจดู และเราก็เจาะเลือดส่งผลค่ามะเร็งต่างๆไปด้วยเลย อาจารย์โทรมาบอกผล Lab เมย์ไม่ค่อยดีเลยนะคะ อยากให้เข้ามาเจอ ที่โรงพยาบาลหน่อย เมย์จึงถามกลับไปว่าเป็นอะไรหรอคะ อาจารย์จึงบอกกลับมาว่าผลตรวจเจอเซลล์มะเร็งที่ต่อมน้ำเหลือง

หลังจากผ่าตัดคนไข้เสร็จ เมย์ก็ขึ้นไปเจอหน้าลูกและสามี ก็ร้องไห้หนักมาก แต่ใจยังสู้ คิดว่าฉันต้องหายสิ ลูกยังเล็ก ยังน่ารัก จะเป็นอะไรไปตอนนี้ไม่ได้ จากนั้นรีบโทรหาคุณพ่อ ทันทีที่คุณพ่อทราบข่าว พ่อซึ่งรักเรามากกว่าใครในโลกนี้บินมาหาเมย์ที่ กทม ด้วยความรวดเร็ว และพาเมย์บินกลับมารักษาตัวที่เชียงใหม่ พร้อมคำพูดที่อบอุ่นหัวใจที่สุดว่า กลับบ้านเรามารักษาตัวกันนะ “ลูกจะต้องหาย” “พระเจ้าไม่ทอดทิ้งเรา”

ตอนนี้มะเร็งได้ลามไปที่ปอด ต่อมน้ำเหลืองที่คอ และกระดูกสันหลังเล็กน้อย เมย์เข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัดมาแล้ว 3 คอร์ส รู้สึกว่าอาการของตัวเองเริ่มดีขึ้น ร่างกายปรับตัวกับยาเคมีบำบัดได้ดี แต่ขณะกำลังจะเริ่มคอร์สที่ 4 เมย์มีถ่ายเป็นเลือดสดอีกครั้ง และไอ เมย์ติดหวัดจากลูกสาว น้องอันย่านั่นเอง ทั้งบ้านติดกันหมด คุณยาย คุณตา น้องแอรอน ป้าๆ พี่เลี้ยง เมย์เองซึ่งเป็นผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำที่สุดในบ้านก็ไม่รอดสิคะ ติดเชื้อลงปอดเลยค่ะ

ตอนนี้ก็กำลังอดทนให้มากๆ อยู่ค่ะ เนื่องจากเมย์ยังอยากมีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้อยู่

เสี่ยงเสียชีวิตกับภาวะแทรกซ้อน

ยิ่งไปกว่านั้นคือ เมย์ต้องเผชิญกับภาวะแทรกซ้อนที่สามารถทำให้เสียชีวิตได้เลย นั่นคือ DIC (Disseminated Intravascular Coagulation) หรือภาวะเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดแบบแพร่กระจาย คือ ภาวะที่กลไกการแข็งตัวของเลือดทำงานผิดปกติและเกิดการแพร่กระจาย ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดลิ่มเลือดที่ทำให้เส้นเลือดอุดตันทั้งแบบกึ่งเฉียบพลันหรือเรื้อรัง ลดการไหลเวียนของเลือดและอุดกั้นไม่ให้เลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย โดยความรุนแรงของโรคจะแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่การห้ามเลือดของร่างกายที่ผิดปกติ ไปจนถึงอวัยวะในร่างกายล้มเหลว และอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้

สามีและลูก กำลังใจสำคัญของคุณหมอเมย์

ชีวิตเมย์ยังคงโชคดีที่คุณพ่ออันเป็นที่รักเป็นหมอ คุณแม่สุดที่รักเป็นพยาบาล คุณพ่อเรียกรถพยาบาลด้วยความรวดเร็ว ได้เจาะเลือดตรวจและให้น้ำเกลือด้วยความรวดเร็วไม่งั้นช็อคแน่ๆ ยังมีคนอีกมากที่ไม่ได้มีความรู้ด้านการแพทย์มากนักและบ้านไกล ถ้าเป็นแบบเดียวกับเมย์อาจจะได้รับการรักษาที่ไม่ทันท่วงที

ตอนนี้เมย์ยังต้องนอนพักอยู่ที่ห้อง ICU รอคอยว่าเลือดจะกลับมาปกติดี นอนไปฝันไปว่า อีกเดี๋ยวก็ออกโรงพยาบาลไป จะไปแต่งตัวสวยๆ ได้เหมือนเดิมแล้ว อยากกลับมายืน เดิน เริ่มหัดออกกำลังกาย กลับมาดูแลตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม

ทุกครั้งที่ตื่นนอน ยังคงเห็นคุณค่าของทุกลมหายใจเสมอ

คุณหมอเมย์และครอบครัวที่อบอุ่น

ขอบคุณสำหรับทุกๆ การบริจาคโลหิต เป็นการทำบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยที่ไม่ต้องนำเงินใดๆ ไปซื้อมา ซึ่งการรักษาของเมย์นั้นต้องใช้เลือดพลาสมา เกร็ดเลือด และองค์ประกอบต่างๆของเลือด มากถึงวันละ 20 units กันเลยทีเดียว เหมือนเมย์กำลังได้รับการต่อลมหายใจอยู่ในขณะนี้ มันมีความหมายสำหรับชีวิตผู้หญิงๆ ตัวเล็กคนนี้มากจริงๆ ขอให้บุญกุศลของทุกท่านที่บริจาคโลหิตนั้น ขอให้ท่านได้รับกลับคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่าค่ะ

มาส่งกำลังใจให้คุณหมอเมย์กันเยอะๆนะคะ : หมอเมย์สู้มะเร็งระยะสุดท้าย